ปี 2016 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของสื่อเมืองไทย ทั้งการเกิดการดับของสื่อ หรือแม้กระทั่งการสเปนดิ้งเงินของสื่อก็มีจุดหักเหที่น่าสนใจมากในปีดังกล่าว ทั้งนี้ สมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย ได้จัดสัมมนา เรื่อง “2017…Industry Updates” ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอทิศทางการเติบโตและความเคลื่อนไหวในธุรกิจสื่อโฆษณามีเดียเอเจนซี่ ตลอดจนแนวโน้มของสื่อในอนาคต และ media inflation ในปี 2016 อีกด้วย
ทั้งนี้ นายไตรรัตน์ นวะมะรัตน นายกสมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นอกจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ เหตุการณ์ต่างๆ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคแล้ว ภายในองค์กรสื่อเองก็ต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย การวิเคาะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน และเลือกใช้วิธีการในการเข้าถึงอย่างถูกต้องจะทำให้ผ่านวิกฤตการณ์ดังกล่าวไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ ควรสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านสื่อดิจิทัลให้มากขึ้นด้วย เพราะจะช่วยให้การทำการตลาดสำเร็จได้ง่ายมากขึ้น
ด้านนายณัฐพล ชโยดม ที่ปรึกษาสมาคมมีเดียเอเจนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย และ Investment Management Director บริษัท เอ็มอีซี ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เราได้คาดการณ์กันไว้ว่าต้นปี 2016 (เดือนมกราคม) จะมีการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาประมาณ 1,410 ล้านบาท และเติบโตประมาณ 3.5% แล้วยังคาดการณ์อีกว่าน่าจะแรงในส่วนของทีวีดิจิทัล และออนไลน์ แต่ปรากฏว่ากลับลดลงดรอปไป 11% โดยมีเม็ดเงินทั้งหมดราว 121,799 ล้านบาท และที่ดรอปลงไปมากเลยก็คือทีวี
- เคเบิ้ลที/ทีวีดาวเทียม ลดลง 43% (ลดลงมากที่สุด)
- Free TV ลดลง 18%
- ทีวีดิจิทัล เติบโตลดลง 3%
ในขณะที่ สื่อ Print อย่างที่เราทราบดีแล้วว่าอยู่ในช่วงที่ลำบาก โดยหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ลดลง 20% และ 29% ตามลำดับ
ทว่ายังมีแสงสว่างให้กับสื่อนอกบ้าน (Out of Home) เป็นสื่อที่เติบโตในปีที่ผ่านมา
- สื่อโรงภาพยนตร์ เพิ่มขึ้น 4%
- สื่อนอกบ้าน (Outdoor) เพิ่มขึ้น 5%
- สื่อในการเดินทาง (Transit) เพิ่มขึ้น 4%
- สื่อในห้างสรรพสินค้า เพิ่มขึ้น 2%
สำหรับสื่ออินเตอร์เน็ตที่หลายคนจับตา ยังเป็นสื่อที่ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยโตขึ้น 8%
ด้านของธุรกิจที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาในปี 2016 แบ่งตามเซ็กชั่นพบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์ เครื่องดื่ม และอุปกรณ์สื่อสาร
แต่ถ้าแบ่งตามผู้ลงโฆษณาพบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ ยูนิลิเวอร์ โตโยต้า และ AIS
ปี 2017
ทั้งนี้ในปี 2017 ทางสมาคมมีเดียฯ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะเพิ่มขึ้น 3.3% โดยปัจจัยบวกมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และรายการโทรทัศน์เริ่มเป็นปกติแล้ว ทำให้การใช้เงินโฆษณาจะกลับมาเป็นปกติ โดยเม็ดเงินจะเพิ่มขึ้นเป็น133,666 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์เอาไว้ด้วยว่าสื่อโทรทัศน์โดยรวมจะเติบโตเพิ่มขึ้น 16% โดยทีวีดิจิทัลจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 32% FreeTV เติบโต 10% และเคเบิลทีวี/ทีวีดาวเทียม ลดลง 13%
ขณะที่สื่ออื่นๆ มีการคาดการณ์ ดังนี้
- สื่อโรงภาพยนตร์ เติบโตขึ้น 8%
- สื่อนอกบ้าน Out of home เติบโตขึ้น 9%
- สื่อในการเดินทาง (Transit) เติบโตขึ้น 9%
- สื่อในห้างสรรพสินค้า (In-store) เติบโตขึ้น 10%
- สื่อดิจิทัล เติบโตขึ้น 31%
ด้าน นายสร เกียรติคณารัตน์ กรรมการสมาคมมีเดียเอเจนี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย และ Chief Exceutive Officer, Strategy & Innovation / Inventure Research & Consultancy บริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด ได้กล่าวถึง Trends หรือแนวโน้มของอุตสาหกรรมสื่อไว้ว่า จะเข้าสู่ยุค Data Intelligence คือผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวางทุกเพศ ทุกวัย และมีข้อมูลมากมายที่ต้องจัดเก็บ และนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวโน้มการวางแผนกลยุทธ์และการบริโภคสื่อของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป โดยมี 4 เทรนด์ที่สำคัญดังนี้
TRENDS
1.Total Screen Planning ผู้บริโภคมีการรับข้อมูลผสมผสานกันข้ามทุกจอ จึงทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้หลายช่องทาง แต่สิ่งที่นักการตลาดต้องคำนึงคือ จะทำให้สามารถตอบโจทย์ทางการตลาดในแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่มีความแตกต่างได้อย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย
2.Content Science เป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์โดยเริ่มจากการใช้ Big Data และวิธีการในการที่จะเข้าถึงให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีการวัดผลที่ชัดเจน
3.IOT(Internet of Things) การเข้ามาของเทคโนโลยี IOT ซึ่งอาจจะไม่ใช่ยุคที่มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ต่อไปสิ่งของต่างๆ ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับเราได้ผ่านอินเตอร์เน็ตเช่นกัน
4.OMNI Channel Retailing การสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายแบบผสมผสานที่รวมช่องทางปกติ Ecommerce, Scommerce และ Fcommerceเข้าไว้ด้วยกันในแบบที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค
ดังนั้น Data Intelligence หลายประเทศเริ่มทำกันแล้ว โดยเฉพาะการจัดการหลังบ้าน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องเก็บ data ให้ครบที่สุดก่อน พร้อมกับดูให้รอบว่ายังเหลือมุมอื่นๆ อีกไหมที่จะต้องเก็บ ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์ก็เริ่มเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่เริ่มจุดประกายแล้ว แต่อาจจยังไม่เต็มที่ก็คือ Predictive Marketing คือ การเก็งว่าซื้อสื่อตัวไหนจะได้ยอดขายสูงสุด และถ้าซื้อไปในอนาคต Maketshare คุณจะขึ้นเท่าไหร่ สามารถบอกได้ขนาดนั้น ซึ่งตอนนี้เริ่มแล้วแต่ต้องใช้กับคนที่เก็บ data ครบๆ ซึ่งถ้าใช้โมเดลนี้ได้ จะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำแคมเปญมาก
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : marketingoops.com