ยุคนี้เป้นยุคที่ปลาเร็วกินปลาช้า ไม่ใช่ปลาเล็กกินปลาใหญ่อย่างในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ใครก็ตามทำงานที่เร็วตอบสนองความต้องการของลูกค้านั้นสามารถได้พื้นที่ตลาดไปก่อนได้ทันที ทำให้การทำงานในยุคนี้จะต้องหาวิธีทำงานให้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งหนึ่งในวิธีนั้นก็คือ Agile method ที่ใช้ในกระบวนการพัฒนาซอฟท์แวร์ นั้นได้ถูกปรับมาใช้ในการทำงานหลาย ๆ อย่างในยุคนี้ ด้วยวิธีการทำงานของ Agile ทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟท์แวร์หรือดีไซน์ทั้งหลายสามารถย่นระยะเวลาและทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาได้ ด้วยการที่ประสบความสำเร็จในการใช้ในการพัฒนาซอฟท์แวร์นี้จึงทำให้ Agile นั้นถูกเอามาปรับใช้ในหลาย ๆ องค์กรและหลาย ๆ แผนกด้วยกัน
ภาพจาก Econsultancy
การทำงานใน Agency ยุคนี้เต็มไปด้วยกระบวนการต่าง ๆ ที่มากมาย ตั้งแต่เปิด Job กรอก timesheet ทำ Quotation หรือ ทำ Proposal นี้ยังไม่รวม Meeting ต่าง ๆ อีกมากมาย กว่าจะได้หนึ่งงานก็กินเวลาต่าง ๆ ไปมากมาย นอกจากนี้ยังไม่รวมการทำงานแบบต้นน้ำไปยังปลายน้ำที่ทุกอย่างต้องรอมาจาก Advertising Agency ไล่มาจนถึง Media Agency ที่จะต้องรอการทำงานทั้งหมดออกมา ซึ่งที่เกิดขึ้นคือการทำงานเหล่านี้ไม่ทันสังคมที่เปลี่ยนไปหรือภาวะการตลาดที่เปลี่ยนไปอย่างมากมายในตอนนี้ กระบวนการทำงานของ Agency แบบเดิมไม่สามารถตอบสนองได้อีกต่อไป ซึ่งทำให้หลาย ๆ เอเจนซี่เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เช่นการปรับผังองคืกรใหม่ หรือการสร้างทีมที่มีความเฉพาะตัวในการทำงานมากขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับกระแสที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วนี้ได้
การดูแลลูกค้าก็เปลี่ยนไปด้วย
Agency นั้นมักทำงานกับลูกค้าในรูปแบบเดิม ๆ คือเป็น retainer model เป็นส่วนใหญ่ ด้วยวิธีนี้ Agency จะเก็บเงินลูกค้าเป็นค่าบริการรายเดือน รวมกับชั่วโมงทำงานที่ลูกค้าใช้งานต่าง ๆ กัน ดูวิธีการนี้น่าจะได้ผล แต่กลับกลายเป็นว่าวิธีการนี้ไม่ได้ผลอีกแล้วในยุคนี้ เพราะลูกค้าในยุคนี้หาคนทำงานด้วยที่ตอบสนองความเร็วได้ ทำงานได้ดี และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในตลาดขึ้นมาได้ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาความต้องการของลูกค้านั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยทำงานกับ Agency เพื่อให้ได้งานโฆษณาเจ๋ง ๆ ออกมา แต่ปัจจุบันลูกค้าคาดหวัง Agency ที่จะทำงานร่วมกันได้มากขึ้นไปอีกในการดูแล Account ลูกค้าต่าง ๆ ตลอดเวลา นอกจากจะคอยรับคำส่งในการทำงานออกมา และทำงานต่าง ๆ ได้ทันที
ยุคนี้ลูกค้าไม่ได้มอง Agency เป็นคนทำงานให้อีกต่อไป แต่มองเป็น Strategic Partner ที่คอยให้คำปรึกษาในการทำงานต่าง ๆ ขึ้นมา แทนที่จะอยากได้งานแคมเปญดัง ๆ อย่างเดียว ยุคนี้ลุกค้าอยากให้ Agency ช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจหลาย ๆ อย่าง หรือสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าขึ้นมาให้ได้ และรักษาความสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมายนี้ไว้ให้กลายเป็นลูกค้าที่มีการซื้อซ้ำได้อีก
ทำไมต้องมาใช้ Agile
เมื่อโมเดลที่ต้องทำงานร่วมกันตลอดเวลาขึ้นมาระหว่าง Agency กับลูกค้ามาแทนการทำงานแบบเดิมที่ทำงานแคมเปญต่อแคมเปญ ทำให้การทำงานแบบเดิมนั้นไม่ได้ผลอีกต่อไปแถมไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วอย่างเช่นในออนไลน์ ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้การใช้ Agile จึงเข้ามาตอบโจทย์อย่างทันที เพราะ Agile ว่าด้วยหลักการการส่งมอบงานและพัฒนางานไปพร้อม ๆ กัน ด้วยการที่ Agency เข้ามาใช้หลักการของ Agile นี้ทำให้ Agency สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น เปลี่ยนแปลงได้ง่ายมากขึ้น และสื่อสารในการทำงานระหว่างทีมได้มากขึ้นไปอีก
สิ่งที่ดีของการใช้ Agile ใน Agency คือการที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะด้วยยุคนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงในบริบทต่าง ๆ มากมาย เพราะสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ทันทีด้วยหลักการ Agile ที่มีวิธีการทำงานที่สามารถทำให้การปรับการทำงานนั้นเกิดขึ้นได้โดยง่าย อีกข้อดีของ Agile นั้นคือที่มีความโปร่งใสในการคุยกับลูกค้า เพราะด้วยการทำงาน Agile นี้ลูกค้ามีส่วนสำคัญอย่างมากในกระบวนการทำงานและมีความจำเป็นอย่างมากที่จะเข้ามามีส่วนร่วม
ทั้งนี้มี Agency ในต่างประเทศนั้นได้ลองการใช้ Agile เข้าไปในกระบวนการทำงาน ทำให้การทำงานนั้นสามารถมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งเอเจนซี่นั้นได้ค่อย ๆ ลองใช้ Agile เข้ามาในกระบวนการทำงาน และเมื่อยิ่งใช้ยิ่งทำให้สามารถครองใจลูกค้าได้เพิ่มขึ้น สิ่งที่ยากที่สุดของ Agency คือการปรับใช้การทำงาน Agile เข้าไปใน Agency เพราะเรียกได้เลยว่าเป็นงานที่ยาก เพราะต้องรื้อการทำงานขององค์กรใหม่เพื่อทำสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาทั้งหมดที่คนไม่เคยทำมาก่อน แต่ผลงานการใช้วิธี Agile นั้นเห็นได้ชัดแล้วว่าได้ผลมากแค่ไหนในองค์กรอื่น ๆ ที่ใช้วิธีนี้ขึ้นมา
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com