Contact us on +668 4668 1993 or aspasign2020@gmail.com

#บิ๊กดาต้าที่แท้ทรู ต้องเป็นแบบ O2O เมื่อ VGI ชูแนวคิด Data Centric Media Hypermarket ย้ำช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวได้

#บิ๊กดาต้าที่แท้ทรู ต้องเป็นแบบ O2O เมื่อ VGI ชูแนวคิด Data Centric Media Hypermarket ย้ำช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวได้
August 14, 2017 dhammarong

หลังจากที่เราเคยนำเสนอเรื่องสื่อโฆษณานอกบ้าน Out of Home (OOH) ยังมีศักยภาพอยู่มาก ในขณะที่สื่ออื่นๆ ถูกดิจิทัล disruption ไปเกือบหมดแล้ว และยิ่งเมื่อ OOH ถูกผสมผสานเข้ากับดิจิทัล จนกลายมาเป็นงานแบบ O2O ที่ยิ่งทรงประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก และสิ่งนี้เองที่จะเป็นก้าวต่อไปของวงการโฆษณาบ้านเราในอนาคต

VGI Groupผู้นำเครือข่ายสื่อโฆษณานอกบ้านครบวงจรรายแรกของไทย โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณารับยุคอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงจากกระแสโลกดิจิทัล ชูแนวคิด Data Centric Media Hypermarket เชื่อมโลก Offline กับ Online (O2O-โอทูโอ) พลิกโฉมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านในไทย เชื่อมฐานข้อมูลพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคจากบัตรแรทบิทการ์ด สร้างพลังการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและวัดผลได้ ชี้ผลวิจัยระบุชัดพลังการใช้สื่อผสมผสานระหว่าง Offline และ Online (O2O-โอทูโอ) ภายใต้แพคเกจการ Bundle สื่อในกลุ่ม VGI ของลูกค้า 11 Street (อีเลฟเว่น สตรีท) กระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว

01

นายเนลสัน เหลียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ผู้นำเครือข่ายสื่อโฆษณานอกบ้านครบวงจรพร้อมฐานข้อมูลรายแรกในไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านของไทย (OOH) ได้ก้าวสู่จุดเปลี่ยนแปลง เป็นผลจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นและสื่อออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น ในฐานะที่ VGI เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในไทยพร้อมฐานข้อมูล จึงชูแนวคิดData Centric Media Hypermarketเป็นแนวทางดำเนินงานโดยปรับเปลี่ยนวิธีการขายแพคเกจสื่อโฆษณาให้มีการผสมผสานระหว่างสื่อOffline และ Online (O2O-โอทูโอ) โดยนำ Big Data จาก “บัตรแรบบิทการ์ด” ซึ่งเป็นฐานข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาใช้วิเคราะห์เพื่อการจัดสรรสื่อโฆษณานอกบ้านให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้นักการตลาดและเอเจนซี่โฆษณาทำตลาดได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และยังกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัท เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) ได้ทำวิจัยผลการใช้สื่อต่อการรับรู้และการตัดสินใจใช้บริการของ 11street (อีเลฟเว่น สตรีท) ผู้ประกอบการค้าปลีกออนไลน์จากประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรกของ VGI ที่ใช้สื่อผสมผสานระหว่างสื่อของ VGI คือการซื้อสื่อโฆษณาแบบเหมาสถานี Station Takeover ครั้งแรกในประเทศไทยบนสถานีรถไฟฟ้า 3 สถานี (สยาม ชิดลม พร้อมพงษ์) ซึ่งเป็นสื่อ Offline ร่วมกับการซื้อสื่อ Online ที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจากบัตรแรทบิทการ์ด

02

11street : Case Study

โดยงานวิจัยนี้เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คนที่เป็นผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสถานีสยาม ชิดลม และพร้อมพงษ์ พบว่า การใช้สื่อโฆษณาในสถานีและรถไฟฟ้าบีทีเอสร่วมกับสื่อออนไลน์ควบคู่กันนั้น สามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้สูงถึง 60% ในขณะที่การเลือกใช้สื่อทีวีหรือสื่อออนไลน์เพียงอย่างเดียวสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เพียง 27%

  • ใช้แบบ O2O กระตุ้นการซื้อ 60%
  • เลือกใช้สื่อออนไลน์ หรือออฟไลน์อย่างเดียว กระตุ้นการซื้อ 20%

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการเลือกซื้อสื่อโฆษณาที่มีทั้ง Offline และ Online (O2O-โอทูโอ) ร่วมกันนั้น สามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากว่าการเลือกใช้สื่อใดสื่อหนึ่งเพียงอย่างเดียวถึงเท่าตัว

“การสร้างการรับรู้และกระตุ้นพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนั้นจำเป็นต้องใช้สื่อที่มีการผสมผสานระหว่างสื่อ Offline และ Online (O2O-โอทูโอ) เข้าไว้ด้วยกัน มากกว่าการทุ่มเม็ดเงินโฆษณาไปยังสื่อใดสื่อหนึ่งเพียงสื่อเดียว เราเชื่อมั่นว่า Bundle Package จาก VGI จะตอบโจทย์ลูกค้า ช่วยให้เจ้าของสินค้า นักการตลาด และเอเยนซี่สื่อโฆษณาประสบความสำเร็จในการนำเสนอสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว สื่อสารได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายเนลสัน เหลียง กล่าว

03

รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า VGI Group มีความพร้อมนำเสนอแพคเกจสื่อหลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยสื่อโฆษณาที่ครอบคลุม

  • สื่อป้ายโฆษณาและจอดิจิทัลทั้งหมดของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส (VGI) มากกว่า 6,000 จุด
  • สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและสื่อในลิฟท์คอนโดมิเนียมมากกว่า 300 อาคาร
  • ป้ายโฆษณาและจอดิจิทัลทั่วประเทศ (MACO) กว่า 2,000 จุด
  • สื่อโฆษณาในสนามบิน (Aero Media) ที่มีจอดิจิทัลมากกว่า 300 จอ สื่ออื่นๆ เช่น รถเข็นในสนามบินดอนเมือง รถกอล์ฟที่สนามบินสุวรรณภูมิ งวงช้าง 5 สนามบินทั่วประเทศและสื่อโฆษณาของสายการบินแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์และนกแอร์มากกว่า 70 ลำ

จากสื่อในมือ VGI Group ทั้งหมด เรานำมาเชื่อมโยงฐานข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคจากแรบบิท การ์ด ที่มีสมาชิกลงทะเบียนถึง 3 ล้านคน มีทั้งข้อมูลประชากรศาสตร์ (Demographic) และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค (Consumer Spending Behavior) ที่จะถูกนำมาวิเคราะห์ เพื่อผสานการใช้สื่อโฆษณาทั้ง Offline และ Online (O2O-โอทูโอ) เข้าด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่

  • แบบ Bundle Package ที่มีให้ลูกค้าเลือกซื้อแบบสำเร็จรูปที่จัดไว้แล้ว
  • แบบ Customize package ที่ลูกค้าแจ้งความต้องการแล้วเราจะวางแผนจัดสื่อในมือ พร้อม Big data ทั้งหมดของเรา

นายเนลสัน ระบุว่า หลังจากที่เราเริ่มขายประมาณ 3 อาทิตย์ ทั้งเอเจนซี่และลูกค้าตรงให้การตอบรับเป็นอย่างดี มีลูกค้าที่ตกลงซื้อ Bundle Package และ Customized Package ที่เราจัดไว้ให้เลือกโดยรวมเกือบสิบราย ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารและเครื่องดืม ไปถึง การท่องเที่ยว เราเชื่อมั่นว่า Bundle Package และ O2O (โอ-ทู-โอ) ของ VGI Group จะช่วยให้การวางแผนสื่อโฆษณาของเอเจนซี่และนักการตลาดมีประสิทธิภาพและช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้น

“VGI Group มีศักยภาพและความพร้อมด้านการให้บริการ O2O (โอ-ทู-โอ) เป็นรายแรกในไทยเพราะเรามีแพลตฟอร์มของสื่อโฆษณานอกบ้านที่หลากหลาย ครอบคลุมและใหญ่ที่สุดในประเทศ ผนวกกับฐานข้อมูลพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยจากบัตรแรบบิทการ์ด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เอเจนซี่ นักการตลาดและเจ้าของสินค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อย สามารถสื่อสารโฆษณาหรือทำโปรโมชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน”

บทสรุป

3 สิ่งสำคัญที่เราจะเห็นในการเปลี่ยนแปลงจากนี้ต่อไปของ VGI ได้แก่

  1. การเปลี่ยนแปลงไปจากสื่อที่เป็นภาพนิ่ง ไปสู่ดิจิทัลและมัลติมีเดีย มากขึ้น โดยจะมีการเริ่มทยอยเปลี่ยนแปลงในเดือนตุลาคมนี้ เป็นเฟสแรก 15 สถานี โดยมีการนำเอาเทคโนลยีมาใส่เพื่อยิงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในช่วงเวลานั้นๆ มากขึ้น
  2. ขยายก้าวไปข้างหน้า จากเดิมที่เน้นแค่พื้นที่กรุงเทพฯ สู่การเป็น Nation Wide ที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น
  3. ทั้งในข้อ 2 และ 3 แผนธุรกิจคือจากนี้ไปจะช่วยนักโฆษณา มีเดียเอเจนซี่ และนักการตลาดในการสร้าง Awareness Engagement และ Conversion ในการสร้างสรรค์สื่อโฆษณาให้ดีขึ้น ด้วยการวางทาร์เก็ตได้อย่างตรงกลุ่มและตรงเป้าหมาย

ผ่าน 3 โปรดักส์ที่สร้างสรรค์ O2O ที่สำคัญได้แก่

–      แบบเหมาสถานี Station Takeover

–      แบบ Bundle Package

–      แบบ Customized Package

ซึ่งทั้งหมดนี้ ตั้งเป้าการเพิ่มขึ้นของรายได้ในปีงบประมาณอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท (ปีงบฯ จากเดือนเมษายน 2560 – มีนาคม 2561) เป็นการเพิ่มขึ้น (Top up)ของรายได้ของเดิม 15-25% โดยรายได้ปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 3,052ล้านบาท

หมายเหตุ

ข้อมูลเสริมสำหรับแคมเปญแบบ “เหมาสถานี” (Take Over)

–      11street เป็นรายแรก ในงบประมาณ 100 ล้านบาท ในเวลา 1 ปี ทั้งหมด 3 สถานี

–      ลูกค้ารายอื่นๆ มีตามมาได้แก่ OPPO, AEON

–      ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สนใจโฆษณาในรูปแบบนี้ เป็นกลุ่มแบรนด์ไอที, รถยนต์, สกินแคร์ และ Food and beverage

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com