ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2560) ที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่าราว 5.27 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 5.67 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 7% โดยสื่อที่มีการเติบโตลดลง ได้แก่ สื่อทีวีอนาล็อก -15.29% เคเบิล/ดาวเทียม -6.04% วิทยุ -19.89% หนังสือพิมพ์ -20.66% นิตยสาร -37.53% และสื่ออินเตอร์เน็ต -10.2% ขณะที่สื่อทีวีดิจิตอล มีการเติบโต 3.64% โรงภาพยนตร์ 25.28% สื่อเอาต์ดอร์ 16.36% สื่อทรานสิต 26.78% สื่ออินสโตร์ 38.19% ซึ่งในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่าสื่อเอาต์ดอร์มีการเติบโตต่อเนื่อง สวนกระแสสื่ออื่นๆ
โดยนายเนลสัน เหลียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมอุต- สาหกรรมสื่อโฆษณาน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากสื่อหนัง สือพิมพ์และนิตยสารมีอัตราการเติบโตลดลง แต่สื่อนอกบ้านมีอัตราการเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก มีมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท แต่ภาพรวมปีนี้สื่อนอกบ้านอาจจะอยู่ในภาวะทรงตัวเช่นกัน แต่สำหรับกลุ่มบริษัทวีจีไอฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้น ด้วยเป้าหมายรายได้ปีนี้ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามีมูลค่า 3,052 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาด 40%
“ตลาดยังมีช่องว่างที่บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตได้ แม้ว่าภาพรวมสื่ออาจจะไม่เติบโต ซึ่งกลุ่มบริษัทวีจีไอฯ ได้เตรียมงบประมาณ 700 ล้านบาท สำหรับใช้ในด้านการลงทุนต่างๆ ของบริษัทในเครือทั้งหมด รวมถึงการปรับเปลี่ยนสื่อที่มีอยู่เดิมให้เป็นรูปแบบดิจิตอล หรือป้ายมัลติมีเดีย เพื่อดึงส่วนแบ่งการตลาดจากเม็ดเงินโฆษณาในสื่ออื่นๆ ให้มาใช้กับสื่อนอกบ้าน เนื่องจากสื่อที่บริษัทบริหารอยู่สามารถวัดผลและความคุ้มค่าจากการลงทุนได้”
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปลี่ยนป้ายโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นป้ายระบบมัลติมีเดีย หรือป้ายดิจิตอลจำนวน 15 สถานี โดยในปีหน้าคาดว่าจะเปลี่ยนป้ายโฆษณาให้ได้ตามเป้าหมาย หรือประมาณ 20% ของจำนวนป้ายโฆษณาทั้งหมด 4,000 ป้ายบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะเดียวกันได้เปิดขายแพ็กเกจสื่อโฆษณาที่ผสมผสานระหว่างสื่อออนไลน์และสื่อออฟไลน์ หรือ O2O ที่มี 3 แพ็กเกจ ได้แก่ 1. การเหมาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือ Station Tack Over 2. เลือกตามแพ็กเกจที่จัดไว้แล้ว และ 3. แพ็กเกจตามความต้องการของลูกค้า หรือ Customize Package โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือน
นายเนลสัน กล่าวอีกว่า การเปิดขายแพ็กเกจ O2O คาดว่ามีรายได้สัดส่วน 10-15% ในปีงบประมาณ 1 เมษายน 2560- 31 มีนาคม 2561 หรือมีมูลค่า 400-600 ล้านบาท รวมถึงผลักดันให้ผลประกอบการเติบโต 30% จากปกติจะเติบโตในอัตรา 20% ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าและเจ้าของแบรนด์สินค้าที่สนใจใช้บริการในรูปแบบเหมาสถานีเพื่อโฆษณาสินค้าแล้วประมาณ 10 ราย จากก่อนหน้าที่เว็บไซต์อีเลเว่น สตรีต ลงโฆษณาแบบเหมาสถานีจำนวน 3 สถานี ด้วยงบประมาณการตลาด 100 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 1 ปี
ด้านนางศุภรานันท์ ตันวิรัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังได้เตรียมขยายเครือข่ายของป้ายแอลอีดีเพิ่มอีก 30 จอ โดยเน้นขยายในย่านธุรกิจต่างจังหวัด เพื่อผลักดันรายได้ 80-100 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้เป็น 160-200 ล้านบาทสำหรับป้ายที่มีอยู่เดิม แต่หากรวมป้ายใหม่ที่จะเพิ่มจำนวนอีก 30 จอ คาดว่าจะเพิ่มได้อีก 100-150 ล้านบาท
ส่วนแผนธุรกิจในระยะ 3 ปี หรือภายในปี 2561 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโต 2 เท่าตัว จากที่ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท หรือเติบโตอย่างต่อเนื่อง 25-30% นอกจากนี้ ยังคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 30% โดยมีสัดส่วนป้ายดิจิตอลไม่น้อยกว่า 10% จากป้ายโฆษณาที่มีทั้งหมดกว่า 1,000 ป้าย โดยป้ายดิจิตอล จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้รวม ซึ่งแนวทางการทำตลาดจะจัดขายเป็นแพ็กเกจร่วมกับบมจ.วีจีไอซึ่งเป็นบริษัทแม่ นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้เตรียมเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาสื่อใหม่ๆ ปีละ 300-400 ล้านบาทด้วย
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) ผู้พัฒนาพื้นที่และบริหารสื่อในรถไฟฟ้า MRT ภายใต้ชื่อ “เมโทร มอลล์” กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดินถือว่าดี เห็นได้จากพฤติกรรมลูกค้าที่จองพื้นที่โฆษณา ซึ่งพบว่ามีผู้ประกอบการรายใหญ่สนใจเข้ามาซื้อมากขึ้นและซื้อระยะยาวขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตขึ้น 300% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เติบโต 200%
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thansettakij.com