ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรราว 68.2 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 52% มีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบคนเมืองอยู่นอกบ้านเฉลี่ยมากกว่า 8-10 ชั่วโมงต่อวัน หรือที่เรียกกันว่า Urbernization อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือ คนไทยปัจจุบันกว่า 46 ล้านคน หรือ 67% สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ และเป็นกลุ่มคนที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ
2 เหตุผลสำคัญนี้เองที่ทำให้สื่อนอกบ้าน (Out of Home Media – OOH) ของไทยเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญตามเทรนด์ของเมืองใหญ่ทั่วโลก นั่นคือการเปลี่ยนบทบาทจาก One Way Communication มาเป็น Interactive Media
อัญชลี ยุพเมฆ ซีอีโอ บริษัท คินเนติค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทั่วโลกเนื่องจากเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิต ส่วนในประเทศไทยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของสมาร์ทโฟนก็ทำให้โอกาสในการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาผสมผสานกับสื่อนอกบ้านทำได้ง่ายขึ้น
พร้อมกันนี้ทาง Kinetic ยังได้มีการแนะนำ Marketing Tools ล่าสุดอย่าง Aureus มาใช้ในการวางแผนสื่อนอกบ้านอีกด้วย โดยเครื่องมือดังกล่าวได้ใช้งานใน 20 ประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ในประเทศไทยได้เริ่มใช้งานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ในประเทศจีน Kinetic Aureus สามารถทำให้มีเดีย แพลนเนอร์รับรู้ได้ว่าบริเวณไหนที่มีความหนาแน่นของผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนของคู่แข่งขันอย่าง Apple และเลือกที่จะสื่อสารแบรนด์สมาร์ทโฟนหัวเว่ยกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว
หรือจะเป็นแคมเปญของรถยนต์ Volkswagen ที่มีการใช้โฆษณารถยนต์ SUV ในสื่อ Billboard แต่มีการใส่ไอเดียเพิ่มเติมเข้าไป โดยมีการติดตั้งกล้องสำหรับสแกนรถยนต์ที่ติดอยู่บริเวณดังกล่าว เมื่อใดที่มีรถ SUV ของ Volkswagen ผ่านเข้ามา ระบบจะทำการส่ง SMS ไปยังผู้ขับขี่ เพื่อบอกว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่ต้องนำรถเข้าไปตรวจสภาพที่ศูนย์ เป็นต้น
ตัวอย่างที่ยกมาทั้ง 2 เคสนี้ คือตัวอย่างของการเชื่อมต่อระหว่างสื่อ Offline กับ Online ผ่านสื่อนอกบ้านที่เริ่มมีให้เห็นแล้วในต่างประเทศ
หมายความว่าเครื่องมือและเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ทำให้สื่อนอกบ้านทำหน้าที่ได้มากกว่าแค่บอกข่าวสาร หากแต่ยังพลิกโฉมเป็น Interactive Media ได้ซึ่งถือเป็นเทรนด์สื่อสารการตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย
ส่วนจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่เข้าไปในแคมเปญ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : brandage.com