คอลัมน์ จับกระแสตลาด
ส่งสัญญาณบวกมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้ว สำหรับธุรกิจโฆษณา เมื่อสินค้าต่าง ๆ ทยอยกลับมาใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่ออย่างคึกคักหลังมู้ดจับจ่ายเริ่มดีดกลับโดยกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค-รถยนต์-ธนาคารเป็นกลุ่มหลัก ดันเม็ดเงินโฆษณาแตะ 120,000 ล้านบาท โต 7.6% จากปีก่อน
ปัจจัยหลัก ๆ มาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่หลาย ๆ กลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค จึงไม่รีรอกลับมาออกหมัด หลังจากอั้นมานาน หวังกระตุ้นตลาดแบบไม่ยั้ง ทั้งการเทเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ ทยอยจัดโปรโมชั่น ตามด้วยการจัดมาร์เก็ตติ้งอีเวนต์แบบเต็มพื้นที่
งบฯโฆษณาดีดกลับ
“ธราภุช จารุวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย มีเดียเอเยนซี่ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น เช่นเดียวกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ทำให้ลูกค้า (สินค้า) กลุ่มต่าง ๆ เริ่มกลับมาใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อตั้งแต่ปลายปี 2560 โดยเฉพาะสื่อหลักอย่างทีวีที่สินค้ากลุ่มใหญ่ทยอยกลับมาลงโฆษณาแล้ว โดย 4 กลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่มและยานยนต์
“สินค้ากลุ่มหลัก ๆ ทยอยกลับมาใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อในหลากหลายช่องทางทั้งทีวี สื่อนอกบ้านและสื่อดิจิทัล คาดว่าภาพรวมการใช้งบฯโฆษณาผ่านสื่อปีนี้จะเติบโต 8% จากปีก่อน หรือกลับไปมีมูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านบาทใกล้เคียงกับปี 2559”
คาดโฆษณาทะลุ 1.2 แสน ล.
“ปัทมวรรณ สถาพร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย จำกัด เอเยนซี่เครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร กล่าวว่า ขณะนี้สินค้าเริ่มกลับมาใช้งบฯ โฆษณาผ่านสื่อตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะต่อเนื่องตลอดทั้งปี ถือเป็นสัญญาณที่ดีของอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ คาดว่าภาพรวมงบฯ โฆษณาปีนี้จะมีมูลค่าใกล้เคียงกับ 120,000 ล้านบาท หรือเติบโต 7.6% จากปีก่อน
ปัจจัยหลัก ๆ มาจากนโยบายรัฐบาลในการวางแผนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ประกอบกับความรู้สึก อารมณ์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การจับจ่ายใช้สอยเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา ทำให้สินค้าต่าง ๆ เริ่มกลับมาทุ่มงบฯ ในการโฆษณาผ่านสื่อ เพื่อกระตุ้นอารมณ์และสร้างบรรยากาศผู้บริหารมายด์แชร์ย้ำว่า สื่อหลัก ๆ ที่ลูกค้า (สินค้า) เลือกใช้ 3 อันดับ คือ สื่อทีวี สื่อนอกบ้านและสื่อดิจิทัล
ขณะที่กลุ่มสินค้า ที่คาดว่าจะใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อมากที่สุดในปีนี้ หลัก ๆ เป็น รถยนต์ เนื่องจากแต่ละค่ายจะมีนวัตกรรม มีรถรุ่นใหม่ออกมา และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วน อสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นอีกกลุ่มที่มาแรง โดยเฉพาะคอนโดฯ ที่มีจำนวนมากขึ้นและการแข่งขันสูง
“ไม่เพียงแค่มิติการใช้งบฯโฆษณาที่เริ่มส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี แต่การใช้เม็ดเงินในลักษณะมาร์เก็ตติ้งอีเวนต์ก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนคาดว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม ก็น่าจะได้เห็นภาพของความคึกคักมากขึ้น”
มาร์เก็ตติ้งอีเวนต์แน่นทุกพื้นที่
“มิ่งมงคล ทวีกุลวัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คูล เอเจนซี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ออร์แกไนเซอร์ ให้ข้อมูลว่า สินค้าเริ่มกลับมาจัดมาร์เก็ตติ้งอีเวนต์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ลากยาวมาถึงต้นปีนี้ และคาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี สำหรับบริษัทเองก็เตรียมจัดมาร์เก็ตติ้งอีเวนต์ต่อเนื่อง โดยมีลูกค้า (สินค้า) วางแผนจัดอีเวนต์มาร์เก็ตติ้งจำนวนหนึ่งแล้ว หลัก ๆ เป็นกลุ่มธนาคาร เทคโนโลยีการสื่อสาร
ขณะที่ “เกรียงไกร กาญจนะโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า มาร์เก็ตติ้งอีเวนต์เป็นอีกหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่สินค้าจะกลับมาใช้เพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในลักษณะเอ็นเตอร์เทนเมนต์อีเวนต์ เพราะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง
นอกจากนี้ยังมีอีเวนต์กีฬาที่จะเกิดขึ้น คือ ฟุตบอลโลก 2018 ในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าหลาย ๆ สินค้าคงจะใส่แคมเปญใหม่ ๆ ลงมา เพื่อช่วยเพิ่มสีสันให้ธุรกิจอีเวนต์อีกแรง และคาดการณ์ว่าภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปีนี้จะโต 5-10% จากปี 2560 ที่มีมูลค่าประมาณ 11,250 ล้านบาท
ค้าปลีก-สินค้าจัดทัพลุย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สินค้าหลาย ๆ อย่างได้เริ่มทยอยทุ่มงบฯโฆษณาและจัดกิจกรรมอย่างคึกคัก อาทิ ยูนิลีเวอร์ ผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่มีทั้งหนังโฆษณาสินค้าในเครือออกอากาศทั้งในช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ รวมทั้งมีกิจกรรมชิงโชค สำหรับสินค้ากลุ่มซักล้าง เช่น บรีส คอมฟอร์ท ซันไลต์ เป็นต้น โดยมีตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย
ขณะที่ “ไบเออร์สด๊อรฟ” ก็โหมโปรโมตสินค้าทั้งแบรนด์นีเวียและยูเซอรีน ทั้งการจัดโปรโมชั่น และการโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้สินค้าใหม่ไปยังกลุ่มเป้าหมายส่วนค่ายค้าปลีกรายใหญ่ต่างส่งแคมเปญและสารพัดโปรโมชั่นออกมาไม่หยุด ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ที่มีการจัดโปรโมชั่นที่มีดีกรีความแรงมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคาดว่าในช่วงวาเลนไทน์และตรุษจีน ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ทุกค่ายจะต้องทุ่มงบฯ ในการทำกิจกรรมทางการตลาดที่แรงขึ้น
ด้านไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง เทสโก้ โลตัส ก็ยิงแคมเปญสะสมแสตมป์แลกของใช้ตั้งแต่ปลายปีก่อนยาวถึงวันที่ 22 ก.พ. 2561 ด้านบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ส่งโปรโมชั่นลดราคาต่อเนื่อง รวมถึงส่งโปรโมชั่นเทศกาลตรุษจีนสำหรับช่องทางออนไลน์ออกมาแล้วเช่นกัน
และค่ายน้ำดื่มสิงห์ เป็นอีกค่ายที่อัดงบฯ ทำแคมเปญคึกคักตั้งแต่ต้นปี ทั้งการพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ พร้อมเพิ่มน้ำหนักการสื่อสารแบรนดิ้งทั้งออนไลน์ออฟไลน์ควบคู่กัน และล่าสุดยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท เปิดตัวรอยัลตี้ โปรแกรม “สิงห์ รีวอร์ด” ร่วมกับไลน์ประเทศไทย ถือว่าเป็นการใช้งบประมาณกระตุ้นที่เร็วกว่าปกติ จากช่วงก่อนหน้าที่กลุ่มเครื่องดื่มมักจะเริ่มแคมเปญรับหน้าขายฤดูร้อนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
เป็นการขยับทัพของธุรกิจเพื่อรับสัญญาณบวก
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net