ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่แล้ว กับข้อมูลของการเติบโตตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทย ปี 2560 ซึ่งพบว่าเป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยมีมูลค่าสูงถึง 12,402 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ (2561) จะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 14,330 ล้านบาท นับว่าสูงสุดในประวัติกาลเลย สะท้อนว่าแบรนด์และองค์กรต่างๆ จำต้องเร่งปรับตัวอัปเดทตัวเองให้ทันกับการเปลี่ยนไปของโลกการตลาดดิจิทัล
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของ ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง “แอดยิม” (Adyim) ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ระบุว่า ภาพรวมของตลาดดิจิทัลในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ฯลฯ นั้นขึ้นไปแตะที่ระดับ 40% ของงบฯ โฆษณาแล้ว ส่วนประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 10% อย่างไรก็ตาม ยังคงเห็นโอกาสในการเติบโตในบ้านเราไปได้อีก 4 เท่า ซึ่งคาดว่าใน 4-5 ปีนี้ มีโอกาสที่งบฯ โฆษณาดิจิทัลของไทยจะขยับไปใกล้เคียงประเทศที่พัฒนาข้างต้น
“ดังนั้น สิ่งสำคัญที่แบรนด์จะต้องตระหนักได้แก่ การให้ความสำคัญกับการวัดผล และการทำ Performance Marketing ให้มากขึ้น เพราะเมื่อวัดผลได้ชัดเจนแล้วแบรนด์ก็กล้าที่จะใช้เงินมากขึ้น ซึ่งหากแบรนด์ไหนสามารถปรับตัวได้เร็วก็จะชิงความได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าแบรนด์ไหนที่ปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้ามาก็อาจจะถึงขั้นล้มหายไปจากตลาด ไม่อาจจะแข่งขันได้อีกต่อไป”
“ถ้าคนไทย บริษัทไทยไม่ทำตอนนี้ ต่างชาติเข้ามากินรวบแน่ๆ Facebook, Google, Tencent, Lazada เข้ามากวาดเรียบหมดแน่ๆ” นายธนพล กล่าว
ทั้งนี้ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเราพบว่าลูกค้า (แบรนด์และบริษัท) เพิ่มความต้องการในการบริการ Data Analytics เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการทำธุรกิจเพิ่ม จึงเป็นที่มาของการที่ Adyim ซึ่งได้เปิดบริการใหม่ล่าสุด ได้แก่ บริการ Digital Data Analysisเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความสำคัญของ Big Dataที่จะมาช่วยตอบโจทย์ให้กับการทำดิจิทัลมาเก็ตติ้งได้ และที่สำคัญเพื่อทำให้ลูกค้าก้าวเดินไปบนโลกดิจิทัลได้อย่างเท่าทันและคุ้มค่า
ด้าน ณัฐพล จิตงามพงศ์ Digital Data Analytics Director กล่าวถึงความสำคัญของ Big Data ว่า อันที่จริงแล้วในการทำการตลาดเราพูดถึง Big Data กันมาพักใหญ่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่านำไปใช้ต่อยอดได้จริงเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น แต่มิได้มีการนำไปใช้ในทางการตลาดอย่างจริงจัง
5 สัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า คุณต้องการทำ Digital Data Analytics โดยด่วน ดังนี้
- แคมเปญจบ ข้อมูลก็จบไปตามแคมเปญ
- ข้อมูลกระจัดกระจาย จะหาแต่ละทีไปอยู่ที่ใครก็ไม่รู้
- ข้อมูลมีเพียบมากมาย แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
- เงินหายไปกับการซื้อมีเดีย แถมยิ่งซื้อก็ยิ่งแพง
- จะดูข้อมูลแต่ละทีต้องเรียกเอเจนซี่มาประชุม ทำให้เสียเวลา
กลุ่มธุรกิจไหนจัดเก็บ Data ดี/แย่
นอกจากนี้ในการเปิดเผยของผู้บริหาร Adyim ยังระบุถึงกลุ่มธุรกิจที่พบว่าทำได้ค่อนข้างดีในการเก็บ Big Data ได้แก่ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มTelco, กลุ่มบริษัทช้อปปิ้งห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลจากบัตรเดินทางต่างๆ ก็มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด แต่อาจจะยังไม่เห็นภาพของการนำเสนอออฟเฟอร์ดีๆ ที่น่าสนใจพอ ในขณะที่กลุ่ม ที่ยังทำไมได้ดี ได้แก่ กลุ่มสื่อ ซึ่งน่าเสียดายมาก ทั้งๆ ที่มีฐานข้อมูลมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากแบรนด์/องค์กรมีการจัดเก็บData ที่เป็นระบบ และนำไปใช้ร่วมกับการทำกิจกรรมทางการตลาดได้แล้ว จะพบว่าสามารถประหยัดงบฯ ในการทำการตลาดไปได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว แถมยังได้งานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เช่น
ประโยชน์ของการจัดเก็บ Big Data
- ยิง media ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะการยิงไปยังคนที่สนใจสินค้าหรือบริการของเราจริงๆ เท่านั้น
- สามารถส่งอีกเมล์แบบ one-to-one marketing ในแบบที่คนรับแต่ละคนจะได้รับเมล์ที่มีเนื้อหาไม่เหมือนกัน โดยขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้รับเมล์นั้นๆ โดยเฉพาะ
- การทำเว็บไซต์โชว์ข้อมูลแบบ One-to-One คือการที่เข้าเว็บไซต์เราแสดงข้อมูลให้ยูเซอร์ไม่เหมือนกัน โดยจะแสดงข้อมูลตามที่ยูเซอร์นั้นๆ สนใจโดยเฉพาะ
- สามารถทำ Customer Insight ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาทำ Survey หรือ Focus Group แต่สามารถหาความเชื่อมโยงจากชุด Big Data ที่เราจัดเก็บเองได้
ดังนั้น บริการใหม่ของ Adyim ซึ่งจะใช้ เทคโนโลยี AI ในการเก็บข้อมูลและประมวลผล นำไปช่วยลูกค้าวางแผนในเรื่องนี้ทั้งหมดมาไว้ที่เดียว และช่วยแนะนำลูกค้าว่าจะต้องจัดเก็บแบบเป็นระบบแค่ไหน รวมทั้งจะช่วยลูกค้าวางแผนที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาไว้ที่เดียว และช่วยแนะนำด้วยว่าจะต้องจัดเก็บอะไรเพิ่มเติมอีก เพื่อทำให้ข้อมูลสมบูรณ์และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเราจะมีทีม Data Scientist เข้าไปช่วยวิเคราะหืด้วยว่ามี Data ชุดใดที่สามารถนำใช้วิเคราะห์ทางการตลาดหรือนำไปใช้ในการทำธุรกิจได้บ้าง รวมถึงการทำ Predictive ทำนายพฤติกรรมของลูกค้าที่มีโอกาสจะซื้อสินค้าหรือบริการ
บริการด้าน Digital Daty Analytics
- Analyze business to recommend digital KPI คือการเข้าใจในธุรกิจของลูกค้า แล้วเทิร์นมาเป็น KPI ที่ชัดเจน เห็นผล ที่สำคัญคือรู้ถึงค่าใช้จ่ายว่าเอาไปทำอะไร
- Setup tracking to make direct impact ติดตามข้อมูลเริ่มทำและต่อยอดไปเรื่อยๆ
- Reccommendation with actionable insight ให้คำแนะนำและเทคแอคชั่นผ่านอินไซต์
- Improve collaboration with client team พัฒนาและประเมินผลออกมาเป็นรูปธรรมร่วมกัน
ผลประกอบการ Adyim
ทั้งนี้ ธนพล ยังเผยถึงตัวเลขการเติบโตของ Adyim ว่า ผลประกอบการของ Adyim มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีผลประกอบการอยู่ที่ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50% และในปี 2561 ได้ตั้งเป้าไว้ที่ตัวเลข 500 ล้านบาท พร้อมกับวางเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้ตัวเลขแตะไปที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อที่จะนำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (SET)ให้ได้ภายในปี 2020 นี้
นอกจากนี้ ในปีนี้ Adyim ยังมีแผนเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทสตาร์ทอัพใหม่ๆ ทั้งในและนอกประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ ทั้ง Ad Technology, Blockchain, AI ฯลฯ โดยตั้งใจที่จะเป็น Business Partner กับลูกค้าแบบจริงจัง และเราไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการหรือเป็นแค่ Vendor อีกต่อไป
Copyright © MarketingOops.com
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com