เปิดแผน “บีทีเอส”ไล่เก็บวอร์แรนต์ “วีจีไอชุดที่ 1” ในกระดาน หวังนำไปแปลงเป็นหุ้นสามัญที่ราคา 7 บาท รักษาสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 70-75% “กวิน” ลั่นทุ่มสุดตัวแปลงวอร์แรนต์ทั้งจำนวน ยันนักลงทุนสถาบันกว่า 30 ราย ที่ซื้อบิ๊กล็อตลงทุนระยะยาว
ภายหลังจากที่บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ BTS ขายหุ้นบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในกระดานบิ๊กล็อตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวนราว 460 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 7.60 บาท มูลค่าเฉียด 4 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบีทีเอส ในวีจีไอลดลงราว 5% หรือจาก 71% มาที่ 66%
บีทีเอส จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าวไปใช้สิทธิ์แปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ์ VGI-W1 หมดทั้งจำนวนที่ราคาใช้สิทธิ์ 7 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้กลุ่มบีทีเอส กลับมาถือหุ้นในวีจีไอในสัดส่วนที่ใกล้เคียงเดิม
แหล่งข่าวจากวงการเงินระบุว่า จากการให้สัมภาษณ์ของนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส ระบุว่า กลุ่มบีทีเอสต้องการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในวีจีไอไว้ที่ระดับเดิมคือประมาณ 70-75% แต่ภายหลังการแปลง VGI-W1 ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้แล้ว ด้วยจำนวนวอร์แรนต์ที่บีทีเอสถืออยู่ อาจจะไม่เพียงพอที่ทำให้บีทีเอสจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในวีจีไอไว้ได้ตามที่ต้องการ
กวิน กาญจนพาสน์
“ทางออกของบีทีเอสหากต้องการรักษาสัดส่วนหุ้นในวีจีไอ ก็อาจต้องเข้าไปเก็บวอร์แรนต์ VGI-W1 เพิ่มในกระดาน โดยใช้เงินกำไรจากส่วนต่างที่ได้จากการขายหุ้นที่ 7.60 บาท กับราคาแปลงที่ 7 บาท”
ขณะที่นายกวิน กล่าวว่า นักลงทุนสถาบัน 30 รายที่เข้ามาซื้อหุ้นวีจีไอล็อตนี้ มีนโยบายชัดเจนว่า เป็นการลงทุนระยะยาว นำโดยบลจ.กสิกรไทย ที่ถือมากที่สุด และยังมีบลจ.บัวหลวงร่วมถือหุ้นด้วย
การทำรายการบิ๊กล็อตหุ้นวีจีไอดังกล่าว มีบล.เครดิตสวิส เป็นตัวกลาง และราคาที่ขาย 7.60 บาท เป็นราคาที่ตกลงกันล่วงหน้าก่อนทำรายการเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นราคาที่ตํ่ากว่าราคากระดาน
“3 ปีจากนี้ รายได้วีจีไอจะโตจาก 4 พันล้านบาท เป็น 1 หมื่นล้านบาท และกำไรของเราจะอยู่ที่ 20-25%” นายกวิน กล่าว
ด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์หุ้นวีจีไอ ยังคงคำแนะนำให้ “ซื้อ” เนื่องจากพัฒนาการด้าน margin expansion ในไตรมาสที่ผ่านมา สะท้อนว่าบริษัทสามารถจัดการต้นทุนได้อย่างดีมาก และแสวงหาตลาดใหม่ได้ต่อเนื่อง
“เราคาดว่ากำไรจะขยายตัวเฉลี่ย 25.9% ต่อปี ใน 4 ปีนี้ ราคาเหมาะสมใหม่ 10.20 บาท”บล.เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ ระบุ
ขณะที่บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำ “ซื้อ” วีจีไอ ด้วยราคาเป้าหมาย 10 บาท เนื่องจากเชื่อว่า วีจีไออยู่ในระยะแรกของวัฏจักรการเติบโตของกำไรรอบใหม่ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่เติบโตสูงและอัตรากำไรที่กว้างขึ้นเพราะได้รับประโยชน์จากการมีต้นทุนคงที่สูง ราคาหุ้นไม่แพง โดยซื้อขายที่พี/อีปี 2562 ระดับ 40 เท่า และจะปรับตัวลดลง อีกทั้งกำไรจะเติบโต
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thansettakij.com