“วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” คาดรายได้ประจำงวดบัญชีปี 2061/2562 ไม่น้อยกว่า 4,400 – 4,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 10 – 15% จากปีก่อนหน้า รับอานิสงค์เศรษฐกิจไทย GDP พุ่ง 4.4% และรัฐประกาศการเลือกตั้ง พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะสั้น (3-5 ปี ) ตั้งเป้าฐานรายได้แตะ10,000 ล้านบาท จาก 3 แกนธุรกิจหลัก
นางจิตเกษม หมู่มิ่ง กรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่สายงานการเงิน บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 4 / 2561 นี้บริษัท ฯ ประเมินว่า ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านจะมีการเติบโตดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาโดยได้รับอานิสงค์จาก 1.การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่คาดว่าจะเติบโตถึง 4.4% จากปีก่อนหน้า (โดยอ้างอิงข้อมูลที่มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย) 2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่เติบโตมาอยู่ที่ระดับ 70.4 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าสูงสุดในรอบ 43 เดือน ประการสุดท้ายคือการประกาศกำหนดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2562 ขณะที่ในส่วนของเป้ารายได้ในปีนี้นั้นบริษัทประเมินว่า จะสามารถรักษาระดับรายได้ประจำงวดบัญชีปี 2061/2562 ที่ประมาณ 4,400 – 4,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 10 – 15% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่ความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ และแผนงานปี 2562 นั้นบริษัท ฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์สร้างรายได้ จากเดิมที่เป็นผู้ให้เช่าพื้นที่โฆษณา ปรับเปลี่ยนเป็นการเป็นผู้ให้บริการ O2O Solutions รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน ได้แก่ สื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้า BTS สื่อโฆษณากลางแจ้งผ่าน MACO และสื่อโฆษณาในสนามบิน 2.ธุรกิจให้บริการชำระเงินของแรบบิท กรุ๊ป 3.ธุรกิจโลจิสติกส์ ผ่าน เคอรี่ เอ็กเพรส (ประเทศไทย) ที่ VGI ได้เข้าลงทุน ในสัดส่วน 23% คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 5,900 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทั้งนี้การเข้าลงทุนในเคอรี่ จะทำให้ VGI ได้รับประโยชน์ 3 ทางคือ a.ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน b.การขยายส่วนแบ่งการตลาดไปสู่ Marketing Budget (จากเดิมที่โฟกัสแต่เพียง Advertising Budget ทีี่่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจ) และ c.ได้รับ Synergies จากการสร้างสรรค์โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เช่น ระบบการแจกสินค้าตัวอย่าง (Smart Product Sampling) ผ่านเส้นทางการจัดส่งพัสดุของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศไทยในขณะนี้ เป็นต้น
“ VGI มองว่าเห็นรุปแบบที่เปลี่ยนไปของตลาดอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน โดยสื่อแบบ Digital และ Online ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เราได้รับจากการสำรวจความต้องการของลูกค้าบ่อย ๆ คือ 1.สื่อโฆษณาที่ลงไปนั้นจะวัดผลได้อย่างไร 2.ลูกค้าสามารถลงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร 3.Return on investment เป็นอย่างไร ซึ่งการที่จะตอบคำถามเหล่านี้กับลูกค้าได้ สิ่งที่เราต้องมีคือฐาน data และ platform สื่อโฆษณาแบบ digital เนื่องจากสื่อ digital ถือเป็นสื่อที่ให้ highest rate of online activation per dollar (อ้างอิงจากการศึกษาของ Nielsen) โดยตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน บริษัท ฯ ได้ทำการ integrate ผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาแบบออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านรูปแบบ O2O Solutions ซึ่งได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่บริษัทได้กว่า 336 ล้านบาท ในปี 2560/61 และ 80 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2561/62”
ทั้งนี้ VGI ได้ตั้งเป้าหมายว่า เราจะ convert 40% ของสื่อโฆษณานอกบ้านทั้งหมด ไปเป็นสื่อโฆษณาแบบดิจิทัลในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับ trend การผสมผสานสื่อโฆษณานอกบ้านและ online ในอนาคต
นอกจากนี้ในส่วนของแผนขยายการลงทุนในตลาดโฆษณา กลุ่มประเทศ AEC นอกเหนือจากประเทศที่ได้ดำเนินการไป โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดสื่อโฆษณากลุ่มประเทศ AEC บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ให้ MACO (ซึ่งเป็นบริษัทย่อย) เป็นแนวหน้าในการพา VGI มุ่งไปยังตลาดสื่อโฆษณาในต่างประเทศ ซึ่งโดยปัจจุบัน MACO ได้ขยายธุรกิจสื่อโฆษณาไปยังตลาดสื่อโฆษณาใน 2 ประเทศหลักคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ขณะที่การขยายไปยังประเทศอื่นๆ นั้นคาดว่าจะสามารถสรุปรายละเอียดที่แน่นอนได้ในช่วงกลางปี 2562
ขณะที่แนวโน้มกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะสั้น (3-5 ปี ) บริษัทมองว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ และในประเทศ เปลี่ยนแปลงไปตามสัดส่วนคือVGI เองจะมุ่งเน้นการ extract synergies จาก platform ต่างๆ ที่ได้เข้าซื้อในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัท ฯประเมินว่าแนวโน้มใน 3 ปีข้างหน้า บริษัท ฯ ตั้งเป้าว่าจะมีฐานรายได้แตะ10,000 ล้านบาท จากส่วนแบ่งธุรกิจในสัดส่วนต่างๆคือ 1.ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน สัดส่วนรายได้ 60% 2. ธุรกิจบริการชำระเงิน (Payment) สัดส่วนรายได้ 20% และ 3. Synergies และรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ สัดส่วนรายได้ 20%
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : mgronline.com