ผู้จัดการรายวัน 360 องศา – โค้งสุดท้ายปี 2561 พบ PLANB ขึ้นนำหุ้นกลุ่ม MEDIA เหตุตลาดตอบรับการเลือกตั้ง หลายสินค้าทุ่มใช้เม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้าน ด้าน WORK-RS กำไรปรับตัวลดลงจากเรตติ้งที่ตก ขณะที่ BEC เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำมากปีก่อน และการควบคุมค่าใช้จ่าย ชี้ภาพรวมการแข่งขันในอุตสาหกรรมยังสูงเช่นเดียวกับเม็ดเงินโฆษณา
ที่ผ่านมา ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ การส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งผลดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจ และภาคเอกชน หันมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมกับผู้บริโภคกลับมาจับจ่ายใช้สอยทำให้หลายๆ สินค้าใช้งบฯ โฆษณาผ่านสื่อเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย และต่อเนื่องไปในอนาคต ซึ่งทำให้กลุ่ม MEDIA ได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ให้มุมมองต่อแนวโน้มกลุ่มอุตสาหกรรม Media ว่า คาดกำไรปกติ ไตรมาส 3/61 กลุ่ม Media (8 บริษัท) โดยรวมไม่สดใส ลดลง -14.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 22.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับบริษัทที่คาดกำไรลดลงมากสุด คือ “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์” (WORK) รองลงมา คือ “เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย” (JKN) และ “อาร์เอส” (RS) ขณะที่ “บีอีซี เวิลด์” (BEC) กลับเป็นกำไร แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีต
ทั้งนี้ พบว่า กำไรของกลุ่มสื่อนอกบ้าน คือ “แพลนบี มีเดีย” (PLANB) และ “วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” (VGI) เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง 19-20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ธุรกิจโรงหนัง “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป” (MAJOR) คาดกำไรปกติเล็กน้อย
โดยรวมกลุ่ม MEDIA แนวโน้มกำไรปกติกลุ่มในไตรมาส 4/61 ลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโตจากฐานที่ต่ำมากของไตรมาส 4/60 ทำให้ปรับลดประมาณการทั้งปีของ WORK, RS และ BEC โดยคาดกำไรฟื้นจากฐานต่ำ และน่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้ Sentiment บวกต่อประเด็นเลือกตั้ง สะท้อน P/E เฉลี่ยกลุ่มสูงที่ราว 31 เท่า ส่วน Top-Pick หุ้นสื่อนอกบ้าน PLANB และ VGI ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 8.20 บาท และ 8.70 บาท
สำหรับการปรับตัวลดลงของ WORK นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่ามาจากต้นทุนดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬา และรายได้รวมลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน ตาม Rating ช่อง WPTV ที่ยังไม่ฟื้น และฐานกำไรที่สูงมากในช่วงไตรมาส 2-3 ปีก่อน ที่ได้ประโยชน์จากความนิยมต่อรายการ The Mask Singer ตอนแรกๆ
ส่วน RS บล.ทิสโก้ เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” จากธุรกิจพาณิชย์ (Multi-platform Commerce : MPC) ฟื้นตัวกลับมาช้ากว่าที่คาดไว้ หลังจากได้รับผลกระทบทางอ้อมจากข่าวสินค้าของบริษัทอื่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นโดยรวมลดลง และธุรกิจ MEDIA ยังมีการแข่งขันทั้งด้านราคา และคอนเทนต์รุนแรง ประกอบกับเรตติ้งช่อง 8 ลดลงต่อเนื่อง แต่เชื่อว่ากำไรไตรมาส 3/61 จะต่ำสุดในปีนี้ และจะเริ่มเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้าย จากธุรกิจ MPC เริ่มกลับมา จึงปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็นปี 2562 อยู่ที่ 18.00 บาท
ขณะที่ BEC แม้คาดว่าจะกลับเป็นกำไรราว 30 ล้านบาท โตเท่าตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ถือเป็นกำไรที่น้อยกว่าอดีตมาก และรายได้หลักค่าโฆษณายังลดลงราว 15% แม้รายได้ลิขสิทธิ์ และจัดคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ “อสมท” MCOT ที่คุมค่าใช้จ่ายเช่นกัน ทำให้คาดขาดทุนลดลง
โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มผลประกอบไตรมาส 3/61 ของ BEC ว่า พลิกฟื้นจากขาดทุน 3 ไตรมาสติดต่อกันมาเป็นกำไร ทำให้คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 43 ล้านบาท ขยายตัว 23% ส่งผลจาก Gross profit margin ที่ขยายตัวอยู่ที่ 17.5% จาก Cost reduction โดยลดการผลิตรายการ Big format และรายการกีฬาลง ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงอยู่ที่ 14 ล้านบาท จากรายได้ค่าโฆษณาที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์เดิม
อย่างไรก็ตาม ปี 2562 ปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้นจากเดิม 22% อยู่ที่ 386 ล้านบาท ขยายตัว 2,598% จากฐานที่ต่ำในปีนี้ ทำให้ราคาเป้าหมายไปปี 2562 เป็น 7.50 บาท จาก 8.60 บาท อิง P/E 39 เท่า เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณามีความผันผวนสูง เช่นเดียวกับการแข่งขันทางอุตสาหกรรม โดยราคาหุ้นของ BEC ปรับตัวลงมา -44% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวในปีนี้ จึงมองว่าในระยะสั้น ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลประกอบการพลิกฟื้นจากขาดทุนติดต่อกัน 3 ไตรมาส
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือ กำไรของบริษัทในกลุ่มสื่อนอกบ้าน เติบโตโดดเด่นโดยคาดกำไรของ PLANB เพิ่ม 17.9% จากอัตราใช้สื่อโฆษณาเพิ่ม ขณะที่ VGI (2Q19-สิ้นงวด ก.ย.18) อ่อนลงเล็กน้อย 8.2% จากรายได้ธุรกิจหลักเดิม (สื่อรถไฟฟ้า BTS และสื่อ Office รวมทั้งสื่อกลางแจ้งผ่านบริษัทร่วม “MACO” ที่ถือหุ้น 32%) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่สูงเป็นพิเศษ แต่กำไรยังเพิ่ม 18.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าถือหุ้น 23% ใน Kerry Thailand
จากปัจจัยดังกล่าว บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า กรอบการเลือกตั้งที่ชัดเจน และเศรษฐกิจที่คาดว่าจะขยายตัวดีในปีหน้า จะหนุนให้กลุ่มทีวีขยายตัว และสื่อนอกบ้านเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง และยาวไปถึงปี 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคที่หมุนเวียนเร็ว จะใช้งบโฆษณามากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่วนสื่อนอกบ้าน มองว่า หุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ PLANB ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในกลุ่มสื่อดิจิทัล เนื่องจากมีการคาดกำไรสุทธิปี 2561 ของ PLANB จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 460.52 ล้านบาท
โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 171 ล้านบาท (14.2%YoY, 12.1%QoQ) หนุนโดยรายได้ที่ขยายตัวโดดเด่นอยู่ที่ 1,160 ล้านบาท จากการขยาย Media capacity อีกทั้งรับรู้รายได้จาก The Panoramix เต็มไตรมาส และเริ่มรับรู้รายได้จาก BNK48 แม้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ คิดเป็น 72.4% ของกำไรสุทธิปี 2561 แต่มองว่า กำไรสุทธิไตรมาสสุดท้ายยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะจะเข้าสู่ช่วง High season
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : mgronline.com