Contact us on +668 4668 1993 or aspasign2020@gmail.com

เมื่อวีจีไอ…ไม่ได้หยุดแค่สื่อ ซินเนอร์ยี่ยกเครือ เติบโตทุกมิติ

เมื่อวีจีไอ…ไม่ได้หยุดแค่สื่อ ซินเนอร์ยี่ยกเครือ เติบโตทุกมิติ
January 3, 2019 dhammarong

เมื่อเป้าหมายใหญ่ของธุรกิจสื่อนอกบ้านเบอร์ต้น ๆ อย่าง “วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” ไม่ได้หยุดแค่การกินส่วนแบ่งจากสื่อนอกบ้านเท่านั้น แต่กำลังขยายการเติบโตเข้าไปเก็บส่วนแบ่งในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ทั้งสื่อออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ระบบชำระเงิน ระบบขนส่งสินค้า

“เนลสัน เหลียง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมธุรกิจสื่อปีนี้ว่า จะมีมูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท และคาดว่าภาพรวมธุรกิจสื่อปี”62 จะเติบโตอีก 5-10% จากปี”60 โดยสื่อนอกบ้านและสื่อออนไลน์ จะเป็นกลุ่มที่โตได้อย่างรวดเร็วในปี 2562 ขณะที่สื่อหลัก เช่น หนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ เป็นต้น มีแนวโน้มการเติบโตลดลงต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนธุรกิจสื่อนอกบ้านปี”62 คาดว่าจะโต 10% จากปี”60 และสื่อออนไลน์คาดว่าจะโต 15% จากปีนี้ เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถสร้างการรับรู้และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เพราะคนใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น หรือเฉลี่ย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้มีโอกาสเห็นสื่อนอกบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกัน อัตราการเข้าถึงสื่อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของประชากรทั้งประเทศ ก็กลายเป็นอีกโอกาสใหญ่ที่ทำให้สื่อออนไลน์เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น และสินค้าก็ให้ความสนใจและใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านทั้งสื่อ 2 กลุ่มนี้สูงขึ้นกลายเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจของวีจีไอตามไปด้วยเช่นกัน

“เนลสัน” เล่าย้อนกลับไปว่า เมื่อ 10-15 ปีก่อน วีจีไอเป็นแค่ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้าน เจาะกลุ่มคนเมืองเป็นหลัก แต่ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา วีจีไอขยับตัวมากขึ้น ด้วยการเข้าไปซื้อธุรกิจต่าง ๆ ทั้งบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสื่อกลางแจ้ง แอร์โรมีเดีย ผู้ให้บริการสื่อในสนามบิน ธุรกิจบริการชำระเงิน แรบบิทการ์ด การเข้าซื้อธุรกิจขนส่ง “เคอรี่”

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ตามด้วยการร่วมทุน “บีวี มีเดีย แอดส์” กับ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ ช่อง 7 และล่าสุด ได้แต่งตั้งให้ บริษัท เบนเล่ย์ มีเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้ขายสื่อเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเกมออนไลน์ให้กับวีจีไอแต่เพียงผู้เดียวด้วยเท่ากับว่า จิ๊กซอว์ที่วีจีไอกำลังต่อเริ่มครบแล้ว ทำให้ภาพของวีจีไอตอนนี้กลายเป็นบริษัทโฆษณาและขนส่งอย่างเต็มรูปแบบ

“เนลสัน” บอกว่า ตอนนี้แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ เริ่มด้วยธุรกิจสื่อ ประกอบด้วยสื่อกลางแจ้ง สื่อสนามบิน บริการสาธิตสินค้า สื่อในรถไฟฟ้าและอาคารสำนักงาน ตามด้วยธุรกิจบริการชำระเงิน ได้แก่ แรบบิทการ์ด แรบบิท ไฟแนนซ์ และสินเชื่อแรบบิทอิออน และธุรกิจขนส่งสินค้า เคอรี่

ขณะที่ทิศทางจากนี้ไป วีจีไอคือ ผู้ให้บริการด้านการตลาดแบบครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (O2O Solution) โดยจะซินเนอร์ยี่ทุกธุรกิจในเครือเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บริษัท ซึ่งเริ่มมีบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคเข้ามาใช้บริการ O2O Solution ของวีจีไอแล้ว

“เนลสัน” ยกตัวอย่างการซินเนอร์ยี่ระหว่างธุรกิจในเครือว่า ถ้าสินค้าต้องการทำตลาดก็สามารถใช้โอทูโอ โซลูชั่น ได้แล้ว ซึ่งถ้ามีแชมพูแบรนด์ A ต้องการเจาะกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ 30-35 ปี บริษัทก็สามารถเข้าสนับสนุนลูกค้า (สินค้า) ได้ ด้วยการต่อยอดจากบริการที่บริษัทมี

“บริษัทมีระบบการชำระเงินและขนส่ง ซึ่งจะมีข้อมูลว่า ผู้ใช้บริการเป็นใคร และข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมอยู่ในฐานข้อมูลของบริษัทอยู่แล้ว ก็สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้ออกมาใช้ได้วิเคราะห์ได้ เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ทันที โดยเริ่มตั้งแต่ยิงโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้า ต่อด้วยการรีทาร์เก็ต หรือทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาบนสื่อออนไลน์ด้วย ซึ่งถ้าผู้บริโภคต้องการซื้อก็สามารถซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่อทันที และจ่ายเงินผ่านช่องทางแรบบิทไลน์เพย์ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งของบริการที่กำลังทำอยู่”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารยังกล่าวเสริมอีกว่า เช่นเดียวกับการเข้าซื้อ “เคอรี่” บริษัทก็ได้ศึกษาแล้วว่าจะนำมาซินเนอร์ยี่ร่วมกับธุรกิจที่มีอยู่ได้อย่างไร โดยหลังจากซื้อกิจการแล้วเสร็จก็ได้เริ่มทดลองทันที ด้วยการส่งสินค้าตัวอย่างของลูกค้า (สินค้า) ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่บ้านได้ผ่านเคอรี่ เพราะเคอรี่รู้ว่าสินค้าที่จะส่งคืออะไรและคนที่จะรับสินค้าคือ ใคร โดยได้ทดลองส่งสินค้าตัวอย่างไปแล้วกว่า 110,000 ชิ้น และคาดว่าแนวทางนี้จะได้รับความนิยมจากสินค้าเพิ่มขึ้นอีก

“หลังจากมีเคอรี่เข้ามา บริษัทก็เริ่มทำการตลาดแบบ “โอทูโอ โซลูชั่น” ธุรกิจก็ครบวงจรมากขึ้น ทำให้ราคาโฆษณาและรายได้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนการร่วมทุนกับช่อง 7 ตั้งบริษัทใหม่นั้น ก็จะใช้ศักยภาพของนักแสดงที่ช่อง 7 มีเข้ามารวมกับแพ็กเกจที่มี เพื่อเสริมทัพให้บริษัทอีกแรง”

ขณะเดียวกัน “เนลสัน” ยังกล่าวถึงทิศทางธุรกิจอีก 3-5 ปีข้างหน้าว่า ด้วยแนวโน้มของตลาดอีคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรง สะท้อนจากผู้เล่นรายใหญ่ที่เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น เช่น เจดีดอทคอม ช้อปปี้ อีเลฟเว่นสตรีท เป็นต้น ซึ่งตลาดนี้เติบโตค่อนข้างสูง หรือเฉลี่ย 35% ต่อปี ขณะเดียวกัน สิ่งที่ผู้เล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซต้องการคือ โฆษณา ระบบการชำระเงินและการจัดส่งสินค้า ซึ่งสอดรับกับทิศทางธุรกิจของบริษัทดังนั้น อีก 3 ปีข้างหน้า ก็ตั้งเป้าหมายว่าจะคว้าโอกาสจากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยการเข้าไปสนับสนุนผู้เล่นในตลาดนี้

“เนลสัน” บอกว่า ด้วยระบบต่าง ๆ ที่วางไว้ ตั้งแต่สื่อโฆษณา ระบบชำระเงิน และขนส่ง จะเข้ามารองรับและสนับสนุนการเติบโตให้แก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และจะกลายเป็นอีกแรงสำคัญในการสร้างการเติบโตให้แก่วีจีไอในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายว่า อีก 3 ปีข้างหน้า รายได้จะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท

“เรามองโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากนี้ว่า ด้วยระบบการชำระเงิน และระบบขนส่งที่มี จะสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะเป็นเทรนด์ที่เติบโตในไทย สะท้อนจากผู้เล่นรายใหญ่ของโลกที่จัดทัพเข้ามา ทั้งอาลีบาบา เจดีดอทคอม รวม “อเมซอน” ที่เตรียมจะโดดเข้ามาในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยด้วย ดังนั้น วีจีไอก็จะกลายเป็นทางเลือกให้แก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วย”

เกมนี้วีจีไอไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านอีกแล้ว แต่วางกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการซินเนอร์ยี่ทุกธุรกิจที่อยู่ภายใต้ร่มของวีจีไอ เพื่อสร้างรายได้ก้อนใหญ่

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net