บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ กำไรสุทธิไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 154.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการพัฒนาสื่อโฆษณาใหม่ๆ เพิ่มเติมและความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทมีอัตรำกำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 12.8 % เป็นผลจำกการควบรวมธุรกิจ และงบการเงินของบีเอ็นเค 48 เนื่องด้วยวิธีการทำบัญชี ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ทั้งจำนวนจากบีเอ็นเค 48 แต่รับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่ง PLANB ถือหุ้นบีเอ็นเค48 ในสัดส่วน 35% ส่งผลให้อัตรkกำไรสุทธิหลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นที่ไม่มีอำนำจควบคุมคิดเป็น 10% ซึ่งต่ำกว่าอัตรากำไรสุทธิในธุรกิจปกติของบริษัท
บริษัทมีรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 1/2562 เท่ากับ 1,195.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.0 % จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นรายได้รายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ โดยเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิตสื่อโฆษณาในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในสื่อโฆษณำประเภทดิจิตอล และสื่อโฆษณาในสนามบิน นอกจากนี้บริษัทยังรับรู้รายได้ธุรกิจมิวสิคมาร์ตเก็ตติ้งจากบริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด (“บีเอ็นเค48”) ส่งผลให้รายได้โดยรวมของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น
แนวโน้มและพัฒนาการของบริษัทในปี 2562 คาดว่าแนวโน้มการใช้งบประมาณโฆษณาของผู้ผลิตสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยไปโดยใช้เวลาอยู่ภายนอกมากขึ้น จึงเป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้ผลิตสินค้าและบริการหันมาให้ความสำคัญกับการใช้งบประมาณกับสื่อนอกที่อยู่อาศัยในอัตราที่สูงขึ้น จึงคาดการณ์ว่าปัจจัยบวกนี้จะส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัย จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของ PLANB ได้เพิ่มความหลากหลาย และขยายพื้นที่สื่อนอกที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตามแผนการขยายเครือข่ายสื่อต่างๆ ทั้งสื่อโฆษณาดิจิตอล บริษัทยังคงมีแผนในการขยายเครือข่ายสื่อโฆษณาดิจิตอลด้วยการขยายสื่อโฆษณา Bangkog Jam พร้อมระบบรายงานสภาพการจราจรในทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญของพื้นที่กรุงเทพเพิ่มเติมอีกมากกว่า 40 จอภาพ
รวมถึงการขยายเครือข่ายสื่อโฆษณานอกที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ ทั้งสื่อภาพนิง สื่อในสนามบิน จากความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อนำเสนอสื่อโฆษณาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่หลากหลาย
การพัฒนาธุรกิจ Engagement Marketing อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาในการสื่อสาร สร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และช่วยเพิ่มความภักดีในแบรนด์ ปัจจุบันบริษัทมีคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ 3 ประเภทคือ กีฬา ดนตรี และอีสปอร์ต ในอนาคตจะมีการเพิ่มคอนเทนท์ประเภทอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมความสนใจของผู้บริโภคในทุกๆ กลุ่ม
ส่วนความร่วมมือกับวีจีไอ จะร่วมกันเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากสื่อโฆษณาดั้งเดิมและสื่อโฆษณาออนไลน์ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการสื่อสารทางการตลาดอย่างครบวงจร
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thunhoon.com
