MACO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส2/2562 ผลักดันรายได้เติบโตต่อต่อเนื่องถึง 161.5% คิดเป็น 690 ล้านบาท EBITDAเพิ่มขึ้น 14.7% คิดเป็น 115 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ผลจากการควบรวมงบการเงินของบริษัท ทรานส์. แอด โซลูชั่น จำกัด และบริษัท Roctec Technology Limited หรือ “กลุ่มทรานส์.แอด” เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 โดยเป็นรายได้จากการให้บริการด้านระบบครบวงจร จำนวน 428 ล้านบาท รวมถึงรายได้จากการบริการสื่อโฆษณา 261 ล้านบาท
นายพุน ฉง กิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ผู้นำเครือข่ายสื่อโฆษณานอกบ้านเผยว่า ไตรมาสที่ผ่านมา MACO ได้เปิดให้บริการสื่อโฆษณาสตรีทเฟอร์นิเจอร์บริเวณใต้ตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ปรับปรุงใหม่ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้สื่อโฆษณา MACO BTS Street view Digital จำนวน 42 หน้าจอ และสื่อโฆษณา MACO BTS Street view Lightbox จำนวน 180 ที่ปรับปรุงใหม่ บริษัทฯ คาดว่าด้วยภาพลักษณ์ที่สวยงามโดดเด่นและประสิทธิภาพของสื่อประเภทใหม่นี้ จะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
สำหรับพัฒนาการในต่างประเทศ MACO ได้เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท Puncak Berlian Sdn. Bhd. (“PBSB”) เป็น 65% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2562 การเพิ่มสัดส่วนในครั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ มีอำนาจในการควบคุมและบริหาร PBSB ได้อย่างเต็มที่ ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มขีดความสามารถด้านการขายผ่านเครือข่ายสื่อของ PBSB และพัฒนาช่องทางการตลาดในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัท PT Avabanindo Perkasa (“Otego”) บริษัทย่อยของ MACO ในประเทศอินโดนีเซีย ได้เริ่มเปิดให้บริการ สื่อโฆษณาในรถไฟฟ้า MRT Jakarta เรียบร้อยแล้ว โดยพื้นที่สื่อโฆษณาประเภทภาพนิ่งได้ถูกจับจองเต็มทั้งหมด 13 สถานี ด้วยเหตุนี้จึงมองว่าสถานการณ์ในต่างประเทศจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 62
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารยังกล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายตัวเลขรายได้ในปีนี้ที่เติบโต 30-35% หรืออยู่ในช่วงระหว่าง 2,300 – 2,400 ล้านบาท ทั้งนี้หากมองการเติบโตในระยะยาวท่ามกลางความท้าทายในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เราคาดว่ากลยุทธ์ในการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศจะเป็นปัจจัยหลักในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ MACO ได้ต่อไปในอนาคต
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : wealthythai.com
