“บีทีเอส”ทุ่มงบพันล้านถือหุ้น”กลุ่มอาร์เอส”จำนวน 68 ล้านหุ้น (7%)ต่อยอดธุรกิจรองรับการขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) พร้อมเตรียมผุดโปรเจ็คใหม่เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผลักดันรายได้ของกลุ่มอาร์เอสก้าวสู่ระดับหมื่นล้านในปี 2565 ตามเป้าหมาย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญและมีความหมายสำหรับอาร์เอสมาก เพราะถือเป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจกว่า 35 ปี ด้วยการก้าวเข้าสู่ธุรกิจการพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ ภายใต้ Business Model ใหม่ ด้วยธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) สร้างธุรกิจในลักษณะ D to C (Direct to Customer) เป็นการสร้างโอกาสจากการบริหารธุรกิจดั้งเดิมอย่างมิวสิคสู่ธุรกิจมีเดียที่แข็งแรงและมีความชำนาญ พร้อมต่อยอดแพลตฟอร์มหน้าจอช่อง 8 เป็นแพลตฟอร์ม จนสามารถสร้างรายได้และผลกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดและความแข็งแรงให้กับองค์กรในระยะยาว จึงเปิดกว้างเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขยายธุรกิจในแนวราบ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งการจับมือและเปิดให้บีทีเอส ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่
นอกจากนี้ศักยภาพของบริษัทในกลุ่มอย่าง VGI ผู้นำ Offline-to-Online Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ จะเสริมศักยภาพ (Synergy)ทางธุรกิจ จะเป็นการผสานจุดแข็งของสองบริษัทที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม เชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้า ตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การขยายฐานรายได้ของบริษัทอาร์เอส ให้เติบโตสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้าน ในปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นในอาร์เอสครั้งนี้ ถือเป็นการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเป็นการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว โดยบีทีเอสมีแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจกับอาร์เอสได้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยแพลตฟอร์มการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารถึงเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มเส้นทางให้บริการจาก 48.9 กม. ในปัจจุบัน เป็น 133.4 กม. ภายในปี 2564 และ VGI บริษัทในกลุ่ม ซึ่งมี 3 แพลตฟอร์มหลักได้แก่ 1.ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีมูลค่าสื่อกว่า 12,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจบริการชำระเงินผ่านแรบบิท กรุ๊ป มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคน 3.ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ได้กว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน”
ขณะที่ปัจจุบันอาร์เอสได้โฟกัสในธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้ากว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งตอบโจทย์ด้วยสินค้าคุณภาพระดับโลกด้วยยอดขายกว่า 2,100 ล้านบาทต่อปี โดยเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเกื้อหนุนและต่อยอดธุรกิจระหว่างกลุ่มบีทีเอสและอาร์เอส ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของทั้งสองบริษัทอีกด้วย
“การเข้าถือหุ้นของกลุ่มบีทีเอสในครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของการจับมือพันธมิตรต่างขั้ว เพื่อแตกไลน์ต่อยอดสร้างโปรเจ็คใหม่ของทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมรองรับการขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) ให้มีศักยภาพเหนือคู่แข่งขันและเพิ่มฐานรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น และบริษัทอาร์เอสยังคงรักษาพันธกิจในการทำงานตามวิสัยทัศน์ Horizontal Integration สร้างการเติบโตแนวราบ เปิดโอกาสทำธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง” นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ภายหลังการเข้าถือหุ้นของบริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจนั้นจะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อการบริหารงานของบริษัท รวมถึงโครงสร้างการถือหุ้นของนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เช่นเดิม
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : siamrath.co.th