กลายเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งสำหรับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ทุ่มเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เข้าถือหุ้นจำนวน 68 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 7% ของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้เอง (20 สิงหาคม)
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งดีลใหญ่ที่ชี้ให้เห็นว่า ‘บีทีเอส’ กำลังขยายอาณาจักรของตัวเองไม่ให้หยุดอยู่แค่ให้บริการขนส่งมวลชนเท่านั้น แต่กำลังใช้ธุรกิจหลักของตัวเองต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง THE STANDARD จึงขอแกะรอยอาณาจักรของบีทีเอสว่า ณ วันนี้มีธุรกิจอะไรอยู่ในมือบ้าง
ปัจจุบันธุรกิจในมือของบีทีเอสถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก หากนับเฉพาะผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ประจำปีงบการเงิน 2562/2563 (เม.ย.-มิ.ย.) มีรายได้รวมทั้งหมด 9,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า
ระบบขนส่งมวลชนเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนถึง 79% ให้บริการผู้โดยสารเฉลี่ย 700,673 เที่ยวคนต่อวัน ทั้งระบบรถไฟฟ้าส่วนหลักและส่วนต่อขยาย โดยเส้นทางที่ให้บริการมีทั้งสิ้น 43 สถานี ในอนาคตยังมีส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนืออีก 16 สถานี คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบปี 2563 โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู 30 สถานี ระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 23 สถานี ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร และโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง ระยะที่ 1 อีก 3 สถานี ระยะทางรวม 1.7 กิโลเมตร เส้นทางนี้คาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถได้ในเดือนกันยายน 2563
รองลงมาเป็นสื่อโฆษณา 15% ผ่านการดำเนินงานของบริษัทลูก วีจีไอ โดยธุรกิจของวีจีไอประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน มีทั้งทำเอง ผ่านบริษัทย่อย และร่วมทุน แบ่งออกเป็นโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน มีทั้งหมด 30 สถานี รวมระยะทาง 31 กิโลเมตร จำนวน 52 ขบวน (208 ตู้) และสามารถเข้าถึงผู้รับชมได้มากกว่า 740,000 คนต่อวัน, โฆษณาในอาคารสำนักงานจำนวนรวม 497 อาคาร และมีจอภาพมากถึง 2,114 จอ, โฆษณากลางแจ้ง, โฆษณาในสนามบิน ธุรกิจการสาธิตสินค้า หรือธุรกิจการแจกสินค้าทดลอง
ธุรกิจที่ 2 ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ซึ่งดำเนินการผ่านกลุ่มบริษัทภายใต้ Rabbit Digital Group ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิททั้งหมด 11 ล้านใบ และยังมีธุรกิจนายหน้าประกัน และธุรกิจบริการด้านการตลาด สุดท้ายธุรกิจจัดส่งพัสดุ ผ่านการถือหุ้น 23% ใน Kerry Express ที่มีการส่งสินค้ากว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน ขณะเดียวกันมีการโฆษณาด้านนอกของรถขนส่ง Kerry Express จำนวน 300 คัน ซึ่งให้บริการทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเข้าถึงคนได้กว่า 10.8 ล้านคน
ธุรกิจที่ 3 บริการ 5% ประกอบไปด้วยธุรกิจให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ และโปรแกรมส่งเสริมการขายด้วยตู้พิมพ์คูปองอัตโนมัติ (Coupon Kiosks) ธุรกิจให้บริการทางเทคโนโลยี ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจรับเหมาและบริหารโครงการก่อสร้าง
และสุดท้ายอสังหาริมทรัพย์ 1% ผ่านบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้น 37.56% ปัจจุบันมีโรงแรม 61 แห่ง หรือกว่า 9,900 ห้อง และอาคารสำนักงานอีก 3 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก และยังได้ร่วมทุนกับแสนสิริพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 มีโครงการที่อยู่ภายใต้การร่วมทุนทั้งสิ้น 26 โครงการ
อย่างไรก็ตามการถือหุ้นในอาร์เอสได้เข้ามาเติมเต็มพอร์ตของบีทีเอส ซึ่งถือหุ้นในบริษัทมหาชนจำนวน 9 แห่ง และ 1 กองทุนรวม ทำให้มีมูลค่าพอร์ตรวม 48,233 ล้านบาท ได้แก่
- กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF สัดส่วน 33.33% จำนวน 1,929 ล้านหุ้น มูลค่า 21,605 ล้านบาท
- บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI สัดส่วน 21.22% จำนวน 1,817 ล้านหุ้น มูลค่า 17,895 ล้านบาท
- บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U สัดส่วน 36.17% จำนวน 2,031 ล้านหุ้น มูลค่า 3,940 ล้านบาท
- บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 สัดส่วน 4.91% จำนวน 59 ล้านหุ้น มูลค่า 1,549 ล้านบาท
- บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS สัดส่วน 7% จำนวน 68 ล้านหุ้น มูลค่า 1,156 ล้านบาท
- บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO สัดส่วน 18.09% จำนวน 746 ล้านหุ้น มูลค่า 1,127 ล้านบาท
- บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI สัดส่วน 0.87% จำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่า 335 ล้านบาท
- บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD สัดส่วน 9.17% จำนวน 99 ล้านหุ้น มูลค่า 274 ล้านบาท
- บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ Jmart สัดส่วน 3.19% จำนวน 23 ล้านหุ้น มูลค่า 267 ล้านบาท
- บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) NOBLE สัดส่วน 9.9% จำนวน 45 ล้านหุ้น มูลค่า 110 ล้านบาท
ข้อมูลนี้นำเฉพาะหุ้นที่ถือภายใต้ชื่อ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ไม่รวมถือผ่านบริษัทลูก โดยคำนวณราคาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2562 เวลา 17.15 น.
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thestandard.co
