เปิดซองที่ 3 กลุ่ม BGSR มีบีทีเอสฯ-กัลฟ์ฯเป็นโต้โผ ผู้ชนะประมูลงานระบบมอเตอร์เวย์ 2 สาย ระยะเวลา 30 ปี มูลค่าเฉียด 4 หมื่นล้าน ยื่นข้อเสนอเพิ่ม ขอเชื่อมเส้นทางเข้าจุดพักรถ ติดตั้งป้ายโฆษณาระหว่างเส้นทาง ลดค่าปรับและ KPI ใช้ระบบฟรีโฟลว์จัดจราจรและเก็บค่าผ่านทาง คาด ต.ค.เจรจาจบ เสนอ ครม.อนุมัติ ก.พ.ปี’63 เผยความคืบหน้าก่อสร้าง บางปะอิน-โคราช” ฉลุย 80% เปิดปี’65 “บางใหญ่-กาญจนบุรี” คืบ 22% รับเหมาหยุดไซต์กว่าครึ่ง ติดหล่มเวนคืนกว่า 3,000 ราย
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า คณะกรรมการพิจารณาโครงการได้เปิดซองที่ 3 ข้อเสนอด้านอื่น ๆ และเจรจาในเงื่อนไขสัญญากับกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทยฯ และ บมจ.ราชกรุ๊ป ผู้ชนะประมูลโครงการติดตั้ง และบริหารระบบเก็บเงิน (O&M) มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา เสนอรับผลตอบแทนจากรัฐ 21,329 ล้านบาท และบางใหญ่-กาญจนบุรี เสนอรับผลตอบแทนจากรัฐ 17,809 ล้านบาท รวม 39,138 ล้านบาท ตามที่กรมเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP gross cost 30
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอที่กลุ่ม BGSR ยื่นเสนอเพิ่ม อย่างเช่น ขอติดตั้งป้ายโฆษณาระหว่างเส้นทาง ขอเปิดทางเชื่อมกับพื้นที่จะพัฒนาเป็นที่พักริมทางมอเตอร์เวย์ (rest area) ซึ่งตาม พ.ร.บ.กรมทางหลวงไม่สามารถดำเนินการได้ในส่วนของการติดตั้งป้ายโฆษณา
ส่วนที่พักริมทางเนื่องจากกรมมีแผนจะเปิดประมูล PPP ให้เอกชนที่สนใจเข้าร่วมอยู่แล้วทั้งสายบางปะอิน-นครราชสีมา มี 15 แห่ง ได้แก่ วังน้อย 2 แห่ง, หนองแค 2 แห่ง, สระบุรี 2 แห่ง, ทับกวาง 2 แห่ง, ปากช่อง 2 แห่ง, ลำตะคอง 1 แห่ง, สีคิ้ว 2 แห่ง และขามทะเลสอ 2 แห่ง และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี มี 6 แห่ง ได้แก่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 2 จุด, อ.เมืองนครปฐม 2 จุด, อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี 2 จุด หากกลุ่ม BGSR จะดำเนินการจะต้องเข้าร่วม PPP แม้ว่าจะขอพัฒนาบนพื้นที่อื่นก็ตาม
“ป้ายโฆษณาและพัฒนาพื้นที่ริมทาง กลุ่ม BGSR จะแบ่งรายได้จากการดำเนินงานให้กรมทางหลวงเพิ่ม แต่คณะกรรมการยังไม่ได้มีการพิจารณาแต่อย่างใด ก็รับฟังไว้ก่อน”
นอกจากนี้ยังเสนอจะพัฒนาด่านเก็บเงินทั้งขาเข้าและขาออกมอเตอร์เวย์ทั้ง 2 สาย เป็นระบบฟรีโฟลว์ ทั้งนี้ คณะกรรมการมีข้อกังวลว่าด่านขาออกอาจจะมีปัญหาจะเก็บค่าผ่านทางไม่ได้ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่เคยมีระบบนี้ใช้มาก่อน จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ อาจจะยังต้องมีไม้กั้นในด่านขาออกเพื่อป้องกันคนไม่จ่ายค่าผ่านทาง ทั้งนี้ อยู่ในช่วงการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป ในส่วนของรายละเอียดการเจรจาอื่น ๆ ก็เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ เช่น ขอลดค่าปรับ 0.25% ของค่าก่อสร้าง ที่เอกชนมองว่าสูงเกินไป การปรับลดการวัด KPI การให้บริการ เป็นต้น
กรมคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในเดือน ม.ค. และเซ็นสัญญาในเดือน ก.พ. 2563 จากนั้นงานระยะแรก เป็นการออกแบบและเริ่มติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางและระบบจัดการจราจรที่ทันสมัย สร้างอาคารด่าน จะใช้เวลา 3 ปี ระยะที่ 2 จะดำเนินงานและบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 30 ปี ซึ่งเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนหลังเปิดบริการตามวงเงินที่เสนอตลอดอายุสัญญา
สำหรับความคืบหน้างานก่อสร้าง แหล่งข่าวกล่าวว่า สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา คืบหน้า 80% เปิดบริการปี 2565 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้า 22% ล่าช้ากว่าแผน 2 ปี ติดปัญหาเวนคืนที่ดินที่สูงขึ้นต้องขออนุมัติขยายกรอบวงเงินเพิ่ม 8,000 ล้านบาท ยังเหลือเวนคืนอีกกว่า 3,000 ราย ปัจจุบันผู้รับเหมา 25 สัญญา หยุดงานก่อสร้างเกือบครึ่งหนึ่งเพราะเข้าพื้นที่ไม่ได้
จากความล่าช้าที่เกิดขึ้น มีผู้รับเหมา 4-5 งาน จะสิ้นสุดสัญญา ในเดือน ก.ย.-พ.ย.นี้ กรมจะขยายเวลาและยกเว้นค่าปรับให้ คาดว่าหลังจากรัฐบาลอนุมัติค่าเวนคืนที่เพิ่มแล้ว จะเร่งการก่อสร้างให้เสร็จภายในต้นปี 2565
ทั้งนี้ค่าเวนคืนที่เพิ่มขึ้นรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าที่กรมกำหนดค่าเวนคืนโดยใช้คู่มือการกำหนดเงินค่าทดแทนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ 2530 นำราคาที่เสนอขายหรือประกาศขายที่ดินมาใช้อ้างอิงในการกำหนดค่าตอบแทน สอดคล้องตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.เวนคืนหรือไม่
หลังสำนักงบประมาณยังไม่อนุมัติค่าเวนคืนที่เพิ่มขึ้น 14,217 ล้านบาท จากเดิม 5,420 ล้านบาทเป็น 19,637 ล้านบาท ซึ่งกรมจำต้องโยกงบประมาณ 5,000 ล้านบาทของปี 2562 เตรียมจะจ่ายค่าเวนคืนบางใหญ่-กาญจนบุรีไปจ่ายค่าอุทธรณ์มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช และขอกันบางส่วนไปจ่ายค่าเวนคืนบางใหญ่-กาญจนบุรี ในปี 2563 แทน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net