นางสาวรตินันทน์ วงศ์วัชรานนท์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แพลนบี มีเดีย (PLANB) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยได้ Diversify ธุรกิจไปทางอื่นมากขึ้น โดยเฉพาะบนออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดตัวเกมมือถือ “SAMKOK MOE” เกม RPG รูปแบบสามก๊กสไตล์โมเอะ ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่าง Plan B Game และ Penguin Knight Co.,Ltd จึงมองว่าในอนาคตการทำธุรกิจของบริษัทฯ จะหันไปมุ่งเน้นที่สื่อออนไลน์ เกมออนไลน์ หรือ Activity ต่างๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังเป็นช่วงของการเริ่มรุกตลาดออนไลน์ โดยเริ่มจากตลาดเกมก่อน ทำให้มองว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้น่าจะยังไม่เห็นการเติบโตมากนัก ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักๆ ของบริษัทฯ ยังคงมาจากธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out Of Home : OOH)
“เป้าหมายหลัก คือ เราต้องการ diversify ธุรกิจของเรา ซึ่ง Online Media ก็เป็นอีกหนึ่ง Opportunity ที่มีการเติบโตสูง โดยมองว่าเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่จะทำให้เราสามารถเติบโตได้ในมีเดีย”
นางสาวรตินันทน์ กล่าว
ส่วนธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out Of Home : OOH) บริษัทฯ ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับ PLANB เนื่องจากลูกค้าที่ต้องการโฆษณาผ่านจอดิจิทัล (Digital LED) และป้ายนิ่ง (Static) ลดลง รวมถึงกิจกรรมทางการตลาด (event) ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น BNK48 หรือการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียว 2020 ที่ถูกเลื่อนออกไป แต่เชื่อมั่นว่าภายหลังจากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายไปได้ และประชาชนเริ่มออกนอกบ้านกันมากขึ้น ลูกค้าน่าจะกลับมาใช้บริการสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยได้ตามเดิม
โดยกลยุทธ์การดำเนินงานของ OOH ปีนี้ บริษัทฯ จะไม่มีการลงทุนการขยาย Capacity ของ OOH เนื่องจากจะมุ่งเน้นการลดต้นทุน รวมถึงภายหลังจากการจับมือกับ VGI และ MACO บริษัทฯ ก็มีความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น และมี Banner ที่จะเสนอให้กับลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ มองไปถึงประสิทธิภาพของการขาย Banner Package มากกว่า
นางสาวรตินันทน์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 บริษัทฯ มั่นใจว่ายังมีความสามารถในการทำกำไร แม้ในช่วงเดือนเม.ย.63 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างนัยสำคัญ แต่คาดว่าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.63 หลังจากรัฐบาลเตรียมปลดล็อกดาวน์ โดยในที่สุดห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จะเริ่มกลับมาเปิดให้บริการได้ และน่าจะตามมาด้วยอีกหลายธุรกิจ โดยมองในครึ่งปีหลังนี้น่าจะกลับมาเป็นปกติ
“เรามองว่าหลังโควิด-19 จบ คนจะออกจากบ้านมากขึ้น ซึ่ง Out Of Home Media จะเป็นหนึ่งทางเลือกที่ทางผู้ประกอบการขนาดใหญ่ยังเลือกอยู่ ขณะเดียวกันก็มองว่างบการตลาดที่ยังไม่ได้ใช้ในครึ่งปีแรกก็จะมีการใช้งบการโฆษณาในครึ่งปีหลังนี้”
นางสาวรตินันทน์ กล่าว
ขณะที่การให้บริการสื่อโฆษณา ณ จุดขาย (Retail Media) ภายในร้าน 7-11 เดิมตั้งเป้าขยายพื้นที่ให้บริการในปีนี้ไว้ที่ 1,500 สาขา แต่ด้วยสถานการณ์ฯ ทำให้เกิดการล่าช้าไปบ้าง แต่บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำให้ได้ 1,000 สาขาในปีนี้ โดยหลักจะมีการโฆษณาทั้งหมด 3 จุดใน 1 สาขา
พร้อมกันนี้เป้าหมายทั้งปี บริษัทยืนยันว่ารายได้จะเติบโตกว่าปีก่อน แม้จะเตรียมพิจารณาปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลง เป็นเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดียว จากเดิมที่คาดเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ดังกล่าว ประกอบกับยืนยันว่าบริษัทฯ ก็ยังมีความสามารถในการทำกำไรอยู่ จากการควบคุมต้นทุน และยังมี Contact ลูกค้าอยู่ รวมถึงสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่งมาก จากปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 1,000 ล้านบาท และไม่มีหนี้สิน
นอกจากนี้มองอุตสาหกรรมสื่อ OOH จากนี้น่าจะยังมีการเติบโตได้อยู่ เนื่องจากอัตราการเติบโตยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงมาก หรือประมาณ 12-13% เมื่อเทียบกับมีเดียทั่วประเทศ มองว่าเทรนในอนาคต OOH กับสื่อออนไลน์ ในอนาคตจะเติบโตกว่าสื่อดั้งเดิม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 63)
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : infoquest.co.th