PLANB บวกแรงกว่า 12% พร้อมวอลุ่มหนาแน่น 531.53% ลุ้นปลดล็อกดาวน์เฟส 3 คาดหนุนเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โบรกฯ คาดกำไรไตรมาสแรกทรุด 40% และจะแย่สุดในไตรมาสสอง ส่วนทั้งปีกำไรลดลงกว่า 30% แม้ได้งานใหม่จากขนส่ง หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง 90 ลบ.ก็ตาม นักวิเคราะห์แนะซื้อ”เก็งกำไร” คาดผลงานปี 64 จะโตกว่า 50% หลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย
PLANB บวกแรงกว่า 12% พร้อมวอลุ่มหนาแน่น 531.53% ลุ้นปลดล็อกดาวน์เฟส 3 คาดหนุนเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โบรกฯ คาดกำไรไตรมาสแรกทรุด 40% และจะแย่สุดในไตรมาสสอง ส่วนทั้งปีกำไรลดลงกว่า 30% แม้ได้งานใหม่จากขนส่ง หนุนรายได้ครึ่งปีหลัง 90 ลบ.ก็ตาม นักวิเคราะห์แนะซื้อ”เก็งกำไร” คาดผลงานปี 64 จะโตกว่า 50% หลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย
ความเคลื่อนไหวของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB วานนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.25% มาปิดที่ 6 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +531.53% เมื่อเทียบกับช่วง 5 วันทำการก่อนหน้า
*** ลุ้นปลดล็อกดาวน์เฟส 3 หนุนเม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว
รายงานการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ จะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในระยะ 3 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มิ.ย.นี้
โดย บล.บัวหลวง ระบุว่า ตอนนี้อยู่ในเฟส 3 ของการปลดล็อกดาวน์ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ชื่นชอบหุ้น PLANB ที่สุดสำหรับเฟสนี้ โดยเม็ดเงินโฆษณาในเดือน เม.ย. ปรับตัวลดลง 28% YoY ลงไปสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. ปี 2560 จากผลกระทบของไวรัส อย่างไรก็ตามคาดเม็ดเงินได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะเห็นการฟื้นตัวในเดือน พ.ค. ภายหลังจากมาตรการปิดเมืองต่างๆ เริ่มคลี่คลาย
*** เลื่อนส่งงบไตรมาสแรกเป็น 30 มิ.ย.นี้ คาดกำไรทรุดเกือบ 40%
PLANB ได้ยื่นจดหมายต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ขอผ่อนผันการนำส่งงบไตรมาส 1/63 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัศโควิด -19 ทำให้ผู้สอบบัญชีไม่สามารถเข้าตรวจสอบงบของบริษัทย่อยในต่างประเทศได้ จึงขอผ่อนผันนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 30 มิ.ย.63
บล.ทิสโก้ คาดการณ์ว่า PLANB จะมีกำไรสุทธิปีในไตรมาส 1/63 ที่ 95 ล้านบาท (-38% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, -57% จากไตรมาสก่อน) จากการคาดรายได้ลดลงคาดอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท (-8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, -19% ไตรมาสก่อน) โดยคาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาลดลงอยู่ที่ 60% จากช่วง low season และรายได้ธุรกิจบริหารสื่อลิขสิทธิเพลง iAM และกลุ่มกีฬาซึ่งมีการเลื่อนอีเว้นท์และการแข่งขันออกไปในช่วงเดือนมี.ค.
*** ไตรมาส 2/63 กำไรจะแย่สุดของปี กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มไตรมาส 2/63 คาดผลประกอบการชะลอตัวทั้งจากไตรมาสแรกและจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี ด้วยกิจกรรมทางการตลาดเกือบทั้งหมดถูกยกเลิก และลูกค้ามีการยกเลิกโฆษณา หรือลดงบโฆษณาลงจากเดิม รวมถึงงานโอลิมปิค ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการบริหารสื่อโฆษณา ถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปี ทำให้รายได้จากการขายโฆษณาซึ่งเดิมจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาถูกเลื่อนออกไปด้วย
*** แม้ได้งานใหม่จากขนส่ง หนุนรายได้ครึ่งหลัง 90 ลบ. แต่กำไรยังรูด 30%
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) นั้นมองว่า สถานการณ์ในครึ่งหลังของปี คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มเพิ่มในอัตราที่ลดลง คาดว่ากิจกรรมการตลาดจะกลับมาจัดมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเริ่มกลับมาใช้งบโฆษณา และล่าสุดบริษัทแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าได้รับงานใหม่ โครงการ “Smart Bus Shelter” จาก สำนักงานการจราจรกรมขนส่งกรุงเทพฯ โดยฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวในครึ่งหลังของปี 63 และปี 2564 ที่ 90 ล้านบาท และ 150 ล้านบาท ตามลำดับ
แต่ด้วยผลกระทบจากโควิด-19 ที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้ ทำให้มีการปรับลดประมาณการปี 2563 และปี 2564 ลงจากเดิม 37% และ 19% เหลือ 512 ล้านบาท (-31%จากปีก่อน) และ 785 ล้านบาท (+53%จากปีก่อน) ตามลำดับ จากการปรับลดสมมติฐาน รายได้ ลงจากเดิม 29% และ 9% ตามลำดับ
*** เก็งกำไรได้ ซื้ออนาคตปี 64 ฟื้นตัวแรงหากโควิด-19 คลี่คลาย
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะปรับลดลง จากผลกระทบ COVID-19 แต่เรามองว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว และคาดว่าเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ PLANB เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์มากสุดจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่สูงสุดในอุตสาหกรรมสื่อป้ายโฆษณา โดยปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 6.50 เหลือ 5.20 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร อิงวิธี DCF บนสมมติฐาน WACC ที่ 8.6%
ด้าน บล.บัวหลวง มองว่า การปลดล็อกเมืองเฟสที่ 3 และงานใหม่โครงการ “Smart Bus Shelter” จะเป็นบวกต่อบริษัทในระยะยาวในการบริหารสื่อนอกบ้านอย่างครบวงจร อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อกำไรในปี 63 อาจจะไม่มากนัก เนื่องจากภาวะเม็ดเงินโฆษณาในปัจจุบันที่อ่อนแอ แม้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันจะฟื้นตัวขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับราคาเป้าหมายปีนี้ของฝ่ายวิเคราะห์แล้ว แต่หากมองข้ามปีนี้และมองระดับกำไรในปี 64 ที่คาดจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติ อิง PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 33 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายในปีหน้าที่ 6.70 บาท
PLANB ถือเป็นหุ้นระยะยาวอีกตัวที่ต้องซื้ออนาคต ด้วยหวังว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส -โควิด 19 คลี่คลาย และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาดำเนินตามปกติได้ ธุรกิจโฆษณาจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แต่อย่าลืมว่า ภาวะเศรษฐกิจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกับเม็ดเงินโฆษณาด้วย คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า หลังปลดล็อกเฟส 3 และเฟส 4 เม็ดเงินโฆษณาจะพลิกฟื้นได้มากน้อยแค่ไหน
ขอขอบคุณแหล่งมูล : efinancethai.com