VGI ผู้ส่งมอบบริการ “O2O Solutions”
กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรบน 3 แพลตฟอร์มธุรกิจ รายแรกของโลก
ทุกวันนี้แทบทุกธุรกิจล้วนแล้วแต่ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด บางธุรกิจปรับตัวแล้ว แต่ไม่ถูกจังหวะ และด้วยแนวโน้มของกระแสโลกถึงแม้ปรับตัวก็ใช่ว่าจะรอดเสียทีเดียว วันนี้ STOCK GUIDE จะพานักลงทุนทุกท่านไปไขความลับพร้อมกันกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ซึ่งปรับตัวด้วยการติดอาวุธใน 3 แพลตฟอร์มยักษ์ เพื่อผสานโลกยุคเก่าอย่างออฟไลน์ผนวกรวมกับออนไลน์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ภายใต้กลยุทธ์ O2O Solutions นั่นก็คือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI
โดยปัจจุบัน VGI ขึ้นแท่นเป็นผู้นำทางการตลาด Offline-to-Online ครอบคลุมธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ นับเป็นบริษัทที่น่าสนใจทั้งในแง่ธุรกิจและมุมมองของนักลงทุน ที่สำคัญว่ากันว่าบนโลกใบนี้แทบจะยังไม่มีใครทำธุรกิจทั้ง 3 แพลตฟอร์มนี้รวมกัน เริ่มต้นเปิดทางได้อย่างดูดีมีอนาคตเช่นนี้แล้ว ไปทำความรู้จักหุ้นตัวนี้เพิ่มขึ้นพร้อมกันดีกว่า
ก้าวแรก “อาณาจักร VGI”
STOCK GUIDE มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)
CEO VGI ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัทให้เราฟังว่า เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ในปี 2542 จุดเริ่มต้นของ VGI เกิดขึ้นพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างระบบขนส่งมวลชน หรือที่เรียกกันติดปากว่า “BTS” ซึ่งระบบนี้เองที่เข้ามาเติมเต็มคุณภาพชีวิตคนเมืองให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น นี่จึงเป็นก้าวแรกที่ VGI มองเห็นโอกาสในพื้นที่เชิงพาณิชย์บนเครือข่าย BTS จึงได้เริ่มทำธุรกิจสื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชนอย่างเต็มตัว จากจุดเริ่มต้นในครั้งนั้นเป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อขยายอาณาจักร VGI นอกจากธุรกิจสื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชนแล้ว บริษัทยังได้รุกธุรกิจสื่อโฆษณาประเภทอื่นๆ ในทุกทิศทางพร้อมกับพันธมิตร ตอกย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ VGI ในการทำธุรกิจสื่อโฆษณา เป็นเสมือนฐานที่มั่นของกองทัพที่ยากจะต่อกร
แต่แน่นอนว่าหากต้องการสร้างความยิ่งใหญ่สมกับเป็นอาณาจักรทั้งที จะหยุดเพียงแค่นี้ไม่ได้ ธุรกิจที่ VGI เพิ่มขึ้นมาและน่าจับตามองมากที่สุด คือธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ปัจจุบันธุรกิจสองส่วนนี้ส่งสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจน โดยเฉพาะธุรกิจบริการชำระเงินผ่าน Rabbit Group ที่เติบโตโดดเด่นจากบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ล้อไปกับเทรนด์ Cashless Society และ e-Commerce ที่เติบโตเป็นพลุแตก เช่นเดียวกับธุรกิจโลจิสติกส์ที่ได้รับผลดีสอดรับกับการขยายตัวของยุค e-Commerce โดย VGI ได้เข้าไปลงทุนใน Kerry ที่เป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในด้านการจัดส่งพัสดุด่วน ซึ่งภายหลังการเข้าร่วมลงทุน VGI และ Kerry ได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น “Smart Sampling” คือการแนบโฆษณาบนกล่องพัสดุของ Kerry ส่งตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมี Truck Wrap บริการโฆษณาบนรถบรรทุกของ Kerry ที่ให้บริการวิ่งส่งสินค้ารอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยในอนาคตอันใกล้ Kerry กำลังจะมีข่าวดีที่นักลงทุนทุกท่านต้องจับตาดูให้ดี ชนิดห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว
“จุดเริ่มต้นของ VGI ในวันนั้น เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ที่ปัจจุบันได้เติบโตจนมีขนาดใหญ่ มีการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากันได้ดี เช่นเดียวกับการเติบโตของต้นไม้ที่แผ่ขยายกิ่งก้าน โดยแต่ละแพลตฟอร์มของธุรกิจ VGI ต่างมีจุดแข็งที่หนุนซึ่งกันและกันจนสามารถออกผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนดั่งรากของต้นไม้ใหญ่ ทั้งนี้เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง องค์กรเองมีการปรับตัวเพื่อให้ทันโลกธุรกิจในอนาคต รวมทั้งป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือกับ Disruption ต่างๆ อยู่เสมอ” คุณเนลสันกล่าว
จากก้าวแรกในวันนั้น มาดูในช่วงปีที่ผ่านมากันบ้าง เห็นได้ชัดว่าการเติบโตของ VGI แต่ละแพลตฟอร์มหนุนให้มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา
จากตัวเลขรวมรายได้การบริการของ VGI ในปี 2562/63 บริษัทสามารถสร้างรายได้ที่ 4,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 1,424 ล้านบาท ซึ่งความสําเร็จในครั้งนี้เกิดจากการที่บริษัทใช้กลยุทธ์การดําเนินธุรกิจในการเป็นผู้ให้บริการ Offline-to-Online Solutions บนแพลตฟอร์ม โดย VGI Digital Lab สามารถสร้างรายได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีแรกของการดําเนินงาน ทําให้ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลเติบโตกว่า 117.5% (YoY) และจะมีบทบาทสําคัญในการผลักดันให้ธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจโลจิสติกส์ โตล้อตามกันไป
3 เสาหลัก VGI
ปัจจุบัน VGI ปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจที่จากเดิมมุ่งเน้นเป็นผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณานอกบ้านเพียงอย่างเดียว ไปสู่กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Offline-to-Online (O2O) Solutions ผสานการทำงานร่วมกันบนทุกแพลตฟอร์มในเครือข่ายผ่าน 3 แพลตฟอร์มหลัก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ โดยแต่ละแพลตฟอร์มนี้ล้วนแล้วแต่สร้างผลงานที่โดดเด่น ซึ่งเด่นขนาดไหน ต้องมาดูกัน
เริ่มต้นกันด้วยธุรกิจสื่อโฆษณา ซึ่งถ้าว่ากันตามส่วนแบ่งทางการตลาด สื่อโฆษณานอกบ้านของ VGI นั้นกินขาด ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 70% ในธุรกิจนี้ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ไปอย่างลอยลำ รวมทั้งเดินหน้าสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมกับ PLANB ผู้นำด้านสื่อโฆษณานอกบ้านที่จะช่วยผลักดันศักยภาพให้สื่อโฆษณาสามารถขยายการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและกว้างขวางมากขึ้น ในส่วนของ MACO มุ่งเดินหน้าธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านให้เติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว ทั้งนี้ VGI ยังมีธุรกิจบริการด้านดิจิทัลผ่าน VGI Digital Lab หรือออนไลน์เอเจนซีครบวงจร ที่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์แคมเปญทางการตลาดแบบดิจิทัล ผ่านการใช้แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล (DMP) ซึ่งในขณะนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักการตลาดและแบรนด์ชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยสัดส่วนรายได้ VGI ส่วนใหญ่ยังคงมาจากธุรกิจสื่อโฆษณาเป็นหลัก
โดยแบ่งเป็นสื่อโฆษณานอกบ้านราว 70% และธุรกิจบริการด้านดิจิทัล 30%
ส่วนธุรกิจบริการชำระเงิน ก็มาวิน ครองแชมป์อันดับ 1 ทั้งการใช้งานแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งปัจจุบัน
บัตรแรบบิทมีผู้ใช้งานมากถึง 13 ล้านใบ และแรบบิท ไลน์ เพย์ มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 7.3 ล้านราย
ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์ ผ่านการลงทุนใน Kerry ก็ก้าวสู่การเป็นผู้นำในการจัดส่งพัสดุและสินค้าด่วนอันดับ 1 ของไทย ด้วยยอดรับ-ส่งสูงสุดมากกว่า 2 ล้านชิ้นต่อวัน ฉะนั้นเมื่อธุรกิจโตชัดเจน รายได้ที่เข้ามาจึงผันแปร
เป็นเงาตามตัว
สงสัยเหมือนกันไหมว่าธุรกิจโตได้ขนาดนี้ ลูกค้าของ VGI เป็นใคร? ลองแยกให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้ดีกว่า
ลูกค้าของ VGI จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือลูกค้าเอเจนซี กลุ่มที่สองเป็นเจ้าของสินค้าและบริการ เช่น บริษัทต่างๆ ในภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ นับตั้งแต่ที่ VGI ได้ขยายฐานธุรกิจแบบครอบคลุม บริษัทได้มีการปรับตัวเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มเจ้าของสินค้าและบริการ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ ที่สำคัญเมื่อลูกค้ากลุ่มเจ้าของใช้บริการ ทางบริษัทจะสามารถจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพและบริหารจัดการให้แก่ลูกค้าในอนาคตได้ 2 ส่วนนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก เป็นเสมือนแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดข้อมูลมหาศาลในการวิเคราะห์เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของลูกค้ามากที่สุด
ก้าวสู่ดิจิทัลเต็มตัว
ขยับมาดูกลยุทธ์กันบ้าง เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลบริษัทต้องเริ่มปรับตัวเองอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทันต่อยุคสมัย ซึ่งกลยุทธ์หลักที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะหนุน VGI เดินหน้าและโตต่อได้ คือกลยุทธ์ O2O Solutions แล้วกลยุทธ์ที่ว่านี้เป็นยังไง ขอยกตัวอย่างให้คิดตามแบบนี้แล้วกัน
ลองนึกย้อนถึงสื่อโฆษณานอกบ้านเกือบทั้งหมด สังเกตเห็นหรือไม่ว่าหลายสื่อยังคงเป็นประเภทเก่าที่ไม่ได้เคลื่อนไหว ป้ายสื่อภาพนิ่งแบบเดิมที่บอกจุดประสงค์หลักในการขายเพียงอย่างเดียว มองผ่านๆ อาจไม่ตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร แต่ระยะหลังมาเราจะเห็นป้ายเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยจอแอลอีดี หรือทำป้ายโฆษณาเหล่านี้ใหม่ในรูปแบบอื่น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ซึ่งการทำสื่อโฆษณาเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่านมากขึ้น เช่น ภาพเคลื่อนไหวที่ทำให้เรามองโฆษณานั้นๆ นานขึ้น หรือแม้แต่การนำข้อมูลเรียลไทม์เข้าไปใส่เพื่อดึงดูดความสนใจ รวมทั้งการทำแคมเปญทางการตลาดแบบออนไลน์ โดยการนำฐานข้อมูลหรือ DATA ที่เรียกว่า Transaction Data จากกลุ่มธุรกิจ เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการวางแผนทางการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้นักการตลาดหรือแบรนด์สามารถสื่อสารและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกลุ่มและโดนใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น สามารถสร้างการรับรู้ในสินค้า อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้สนใจสินค้าหรือแบรนด์นั้นๆ มากขึ้น ส่วนนี้จึงเป็นการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัดที่ VGI มุ่งมั่นในการขยับจากสื่อออฟไลน์ต่างๆ เข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น
Rabbit Data ฐานข้อมูลธุรกิจบริการชำระเงิน
นอกจากนี้ด้านออนไลน์ VGI ยังได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อให้ลูกค้ามีความได้เปรียบยิ่งขึ้นในการตั้งกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เช่น ลูกค้าทำธุรกิจเครื่องสำอาง ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต้องการกลุ่มลูกค้าระดับบน การยิงโฆษณาออนไลน์ทั่วไป คนส่วนมากอาจจะเข้าถึงข้อมูลแต่ไม่ได้ตอบสนองว่ามีกำลังซื้อ แต่ VGI จะมีความได้เปรียบจากฐานข้อมูลธุรกิจบริการชำระเงิน Rabbit Data ที่เป็นข้อมูลเชิงลึกจากการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค นำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย กำลังซื้อ รวมไปถึงทราบแม้แต่มูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อเทียบกับการทำโฆษณาโดยทั่วไปที่อาจจะไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากพอ แต่ VGI ทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด และนำไปสู่การซื้อสินค้า เจ้าของผลิตภัณฑ์จึงรู้สึกได้ถึงความคุ้มค่ากับงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ใช้ไป
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ VGI พยายามที่จะนำเสนอนวัตกรรมการทำการตลาดให้ดีที่สุดให้สมกับการเป็นผู้นำอุตสาหกรรม กลยุทธ์ O2O Solutions นี้จึงถูกนำมาปรับใช้ในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด ทั้งนี้การเชื่อมต่อแต่ละแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันของ 3 ธุรกิจ ผ่าน O2O Solutions จะยิ่งเสริมให้ VGI มีจุดแข็งเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทจะมองเห็นความแตกต่างของแต่ละกลุ่มเป้าหมายว่ากลุ่มใดมีความต้องการที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เล็งเป้าได้ตรงจุดที่สุด นับเป็นการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัวอย่างแท้จริง
OUTLOOK 2020 VS COVID -19
หากอ่านมาถึงตรงนี้ สำหรับมุมมองแนวโน้มปี 2563/64 ยังไงก็ต้องพูดถึงปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมอย่าง “โรค COVID-19” เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผู้บริหารท้อใจ แต่กลับกัน คือทำให้เกิดการปรับตัวรุกในแพลตฟอร์มที่พร้อมโต
คุณเนลสันฉายภาพสำหรับปี 2563/64 ให้เราได้เห็นโดยมุมมองเดิมยังพบว่ามีเม็ดเงินที่พร้อมทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ในสื่อโฆษณาและธุรกิจอื่นๆ บวกลบไม่ต่างจาก ปีก่อนมากนัก แต่สัญญาณตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เริ่มเห็นทิศทางการระบาดของโรค COVID-19 ชัดเจน และอาจลุกลามเกินกว่าจะควบคุมได้โดยเฉพาะจีน แต่ท้ายที่สุดเรากลับเห็นการทวีความรุนแรงในต้นปี 2563 สำหรับการแพร่ระบาดจนส่งผลกระทบทั่วโลกที่ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ทำให้ความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นหดตัวลง กระทบชิ่งไปถึงภาคธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลงเช่นกัน ฉะนั้นผลที่ตามมาเราจึงเริ่มเห็นการตัดงบในการลงโฆษณาจนเกิดภาวะชะลอตัวในแพลตฟอร์มนี้ แต่เพราะก่อนหน้านี้ VGI มีการกระจายธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากการที่ต้องพึ่งพาธุรกิจโฆษณาเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต เหมือนในเรื่องร้ายยังมีสิ่งดี VGI มีธุรกิจบริการชำระเงินและธุรกิจโลจิสติกส์ เข้ามาเป็นม้าขาวในช่วงที่ประชาชนต้องอยู่กับบ้าน ทั้งนี้ทางบริษัทเองได้ดำเนินงานภายใต้การตามติดสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมแผนรองรับต่างๆ ซึ่งคุณเนลสันเชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ ก็จะทำให้ธุรกิจสื่อโฆษณากลับมาอัดแคมเปญและเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งแน่นอน
VGI ร่วมเป็นสื่อกลางพาคนไทยฝ่าวิกฤต แชร์พื้นที่สื่อแก่หน่วยงานหรือองค์กรที่ประสงค์นำเสนอข่าวสารการแพร่เชื้อ “โรค COVID-19”
นอกจากนี้ VGI ในฐานะผู้มีแพลตฟอร์มสื่อโฆษณาชั้นนำของประเทศ ยังได้ออกมาช่วยเหลือ สร้างขวัญกำลังใจในช่วงที่พี่น้องคนไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤต COVID-19 โดยร่วมเป็นสื่อกลางแชร์พื้นที่สื่อแก่หน่วยงาน องค์กร เพื่อนำเสนอข่าวสารการแพร่เชื้อโรค COVID-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลและการป้องกันโรคระบาดอย่างถูกวิธี และในนามของกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังได้สนับสนุนโครงการนักรบเสื้อขาวสู้ภัย COVID-19 ด้วยการทำประกันชีวิตให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจ ถือเป็นเรื่องราวดีๆ อีกมุมที่ VGI พร้อมตอบแทนสังคมในวันที่ทุกคนต้องช่วยกันและฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปให้ได้ ซึ่ง VGI ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนเช่นกัน
ก้าวต่อไป VGI
ก้าวต่อไปของ VGI ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและอีกหนึ่งความท้าทายทางธุรกิจ โดย VGI ยังคงยึดมั่นเป้าหมายในการเป็นผู้นำ O2O Solutions ด้วยการทำงานผสานกันของทั้ง 3 แพลตฟอร์ม เพื่อเป็นตัวช่วยให้แบรนด์และนักการตลาดเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
สำหรับก้าวต่อไปของ VGI นั้นยังมีเรื่องดีๆ รออยู่อีกมากมาย โดยคุณเนลสันได้ยกตัวอย่างแต่ละแพลตฟอร์มให้เราได้ทราบกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตบ้าง เช่น
ธุรกิจสื่อโฆษณา การเติบโตต่อจะมีอย่างต่อเนื่อง จากการขยายระบบรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ VGI สามารถขยายเครือข่ายสื่อตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ผนึกกำลังจากพาร์ตเนอร์ที่มีอยู่ทั้งจาก PLANB, iClick, AnyMind Group ที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันในแต่ละด้าน มาขับเคลื่อนการตลาดในทุกรูปแบบให้มีความน่าสนใจ ที่สำคัญมีแผนเปิดตัวหน่วยธุรกิจใหม่อย่าง VGI Digital Lab ที่จะให้บริการการตลาดออนไลน์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้แบบชนิดจับวาง สมกับการเป็นผู้นำของธุรกิจนี้
ธุรกิจบริการชำระเงิน VGI พร้อมขยายฐานผู้ใช้ e-Payment ทั้งบัตรแรบบิทและแรบบิท ไลน์ เพย์ ที่เติบโตขึ้นตามแนวโน้มของเทรนด์ โดยในอนาคต VGI จะพัฒนาแนวทางให้ผู้บริโภคเกิดประสบการณ์การเดินทางแบบไร้รอยต่อ คือบัตรเดียวสามารถเดินทางได้ทุกประเภท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งถ้าหากสามารถพัฒนาได้ครอบคลุม จะนับได้ว่าเป็นเจ้าแรกที่สามารถแก้ปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังเตรียมเจาะกลุ่มบริการชำระเงินที่หลากหลายขึ้น เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่ค่าโดยสารรถประจำทาง ค่าโดยสารเรือ ค่าแท็กซี่ ค่าอาหารในพื้นที่ศูนย์อาหาร การจ่ายเงินภายในโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ในโรงเรียน
ธุรกิจโลจิสติกส์ VGI และ Kerry ยังผสานการทำงานร่วมกันโดยการพัฒนาโซลูชั่นส์ใหม่ของการโฆษณาด้วย ซึ่งในอนาคตจะขยายสาขาของ Kerry ไปอีกทั่วประเทศ
จากที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่าอนาคต VGI คือ O2O Marketing Solutions ที่จะช่วยให้ Business Partner ต่างๆ สามารถนำไปใช้ทำกลยุทธ์การตลาด จากการทำ Data Analysis ด้วยข้อมูลที่ VGI มี เรียกได้ว่าครบวงจร สื่อสารและทำการตลาดได้ครบทั้ง 360 องศา ตอบสนองลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มุมมองการเติบโตของอุตสาหกรรม
เมื่อถามถึงมุมมองของผู้บริหารเกี่ยวกับการเติบโตในอนาคตของแต่ละอุตสาหกรรมว่ามีกลุ่มใดที่คาดว่าจะเติบโตบ้าง คำตอบที่ได้คือเกือบทุกธุรกิจของ VGI ล้วนแล้วแต่อยู่ในแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต โดยอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาหากต้องการยืนหยัดในอุตสาหกรรมนี้ต้องเร่งผันตัวเองเข้าสู่ดิจิทัลและเทคโนโลยีโดยเร็วให้กลายเป็น สื่อโฆษณาดิจิทัล เพราะหากยังทำแบบเดิมก็จะได้คำตอบแบบเดิม ซึ่ง VGI ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงสื่อนอกบ้านในหลายจุดให้สอดรับอนาคตอุตสาหกรรมนี้ โดยใช้วิธีการประยุกต์เทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้เชื่อว่ามาถูกทางแล้วจากผลตอบรับ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่เพียงพอให้หยุดนิ่ง ยังต้องสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมโฆษณาเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ
อีกหนึ่งเครื่องมือความสำเร็จในธุรกิจ VGI เริ่มพบว่า การตลาดออนไลน์ มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในวันนี้ VGI ก็คือหนึ่งแพลตฟอร์มที่ขยับตัวตามเทรนด์อุตสาหกรรมในการเป็นช่องทางออนไลน์เพื่อทำการตลาด ดังนั้นการตลาดออนไลน์จึงถูกมองว่าน่าจะเติบโตได้อีกยาวไกลในอนาคต เพียงแต่ต้องเลือกเครื่องมือให้ถูกต้องกับธุรกิจจึงจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
ขณะที่คลังข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เราได้ยินกันบ่อยๆ อย่าง BIG DATA ไม่ได้ถูกทิ้งเปล่าเหมือนในอดีต แต่ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์มากขึ้นในการหาโอกาสทางธุรกิจแห่งอนาคต จึงเป็นยุคที่อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องพึ่งพา ข้อมูลเพื่อการขับเคลื่อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation) หรือเพื่อให้ได้สินค้าและนวัตกรรมออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต จุดนี้คือสิ่งที่ VGI ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยการร่วมจับมือกันกับพาร์ตเนอร์ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเติบโตในแง่ของบริษัท แต่ข้อมูลที่มหาศาลนั้นหากนำมาต่อยอดได้ถูกต้องจะทำให้เติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับอุตสาหกรรม
ส่วนอุตสาหกรรมสุดท้าย ผู้บริหาร VGI มองว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริการทางการเงินจะได้ไปต่อ เพราะเมื่อโลกเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล วิวัฒนาการด้านการชำระเงินจึงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บริการทางการเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นตัวกลางที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ และมีแนวโน้มการใช้สูงขึ้นทั้งจากนโยบายรัฐและการเข้าถึงเทคโนโลยี VGI จึงได้พยายามพัฒนารูปแบบบริการทางการเงินให้สะดวกมากยิ่งขึ้นในทุกช่องทาง เพื่อเพิ่มโอกาสการตัดสินใจใช้งาน และในอนาคตประโยชน์จากการให้บริการทางการเงิน จะช่วยให้ VGI เข้าถึงฐานข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภค และนำมาใช้กำหนดทิศทางการทำสื่อโฆษณาให้ตรงเป้าหมายได้อีกด้วย
Kerry ครองอันดับ 1 ส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจโลจิสติกส์
VGI ตั้งรับ ฝ่าวิกฤตอนาคต
‘วิกฤต’ ถือเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ของผู้ประกอบการ ที่แต่ละครั้งต้องฟันฝ่าผ่านไปให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามแต่วิกฤตที่ควบคุมไม่ได้จากภายนอกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด สงครามการค้า วิกฤตเศรษฐกิจระลอกใหม่ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่กำลังจะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในอนาคต ทั้งหมดทั้งมวลผู้บริหารจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร
เรื่องนี้ในมุมของคุณเนลสัน ยังคงยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใดขึ้นมาก็ตาม สุดท้ายวันหนึ่งก็ย่อมต้องผ่านไป VGI มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 20 ปี และสามารถปรับตัวให้พร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาอยู่เสมอ รวมถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทและทีมงานที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุก จึงทำให้ VGI ยังคงยืนหยัดได้มาถึงทุกวันนี้พร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้อย่างแน่นอน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา วิกฤตมักจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้อยู่นาน สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารมองและอยากให้นักลงทุนมองในมุมเดียวกันคือ พื้นฐานของบริษัทยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง ทำไมจึงต้องกลัววิกฤตเหล่านั้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าบริษัทไม่เกรงกลัวต่อวิกฤต แต่เลือกที่จะจับตาดูผลกระทบ พร้อมเข้าใจในวิกฤตเพื่อแก้ไขและทำงานอย่างใกล้ชิดในแต่ละส่วนให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ผ่านวิกฤตนั้นไปได้ด้วยดีมากกว่า
เชื่อมั่น VGI
จากพลังของทั้ง 3 แพลตฟอร์มที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ VGI ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน Offline-to-Online หรือ O2O Solutions อย่างมีศักยภาพ ไม่ใช่แค่ระดับประเทศแม้แต่ทั่วโลกยังไม่มีใครสามารถทำได้ นี่จึงเป็นการการันตีว่า VGI เป็นบริษัทในอุตสาหกรรมสื่อเพียงบริษัทเดียวที่ได้เข้าเป็นสมาชิกของดัชนี SET50 สำหรับช่วงการคำนวณในเดือนมกราคม – มิถุนายน 2563 สะท้อนมุมมองต่อนักลงทุนว่าบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมอบความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน สร้างความไว้วางใจจากผลการดำเนินงาน รวมทั้งพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคงเสมอมา
ในวันนี้ คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) จึงอยากฝากบอกไปยังนักลงทุนทุกคนว่า “ทีมผู้บริหารและพนักงานของเราพร้อมที่จะผลักดันให้ VGI ได้เติบโตในทุกแพลตฟอร์ม และไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ต้องเติบโตทั้งรายได้และกำไร เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าเราจะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน”
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : stock2morrow.com