ทันหุ้น – สู้โควิด – บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง PLANB ว่า บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิใน 2Q63ที่ 85 ล้านบาท ปรับลดลงจาก 1Q63และ 2Q62 ที่มีกำไรสุทธิ 84ล้านบาท และ 180 ล้านบาท ผลขาดทุนเท่ากับประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดขาดทุน 61ล้านบาท
รายได้ 2Q63 ปรับลดลงจาก 1Q63และ 2Q62 ที่ 32%QoQ และ 42%YoY เหลือ 659 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบของ COVID-19ทำให้ลูกค้ามีการยกเลิกโฆษณา หรือลดงบโฆษณาลงจากเดิม งานกิจกรรมการตลาดถูกยกเลิก รวมถึงงานโอลิมปิค ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการบริหารสื่อโฆษณา เดิมจะจัดในวันที่ 24ก.ค. ถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปี ทำให้รายได้จากการขายโฆษณาซึ่งเดิมจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาถูกเลื่อนออกไปด้วย โดยพบว่า Utilization rate ปรับลดลงจาก 1Q63ที่ 60% และ 2Q62ที่ 75% เหลือ 31%
ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง แม้บริษัทจะพยามควบคุมต้นทุน แต่ต้นทุนบางส่วนมีการบันทึกไปแล้วแม้จะยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานออกไป ส่งผลให้ Operating Margin ปรับลดลง จาก 1Q63 และ 2Q62ที่ 10.9% และ 19.9%เหลือ -11.4%
ผลกระทบจากการปรับมาตรฐานบัญขี TFRS 16เท่ากับ 13.5 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าวจะมีผลขาดทุนที่ 71 ล้านบาท
ใน 2H63 คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มพลิกฟื้น โดยกิจกรรมการตลาดจะกลับมาจัดมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเริ่มกลับมาใช้งบโฆษณา โดยงานโครงการใหญ่ที่เดินหน้าต่อได้แก่ โครงการติดตั้งป้ายโฆษณา 7-eleven ใน กทม.และหัวเมือง ซึ่งทยอยติดไปแล้ว 500สาขา และกำลังทยอย ติดตั้งอีก 500 สาขาในครึ่งปีหลัง ขณะที่ยังมีโครงการใหม่ที่ได้รับ “Smart Bus Shelter” จาก สำนักงานการจราจรกรมขนส่งกรุงเทพฯ ในการสร้างและใช้ป้ายรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะและบริหารจัดการพื้นที่สื่อป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ 1,170 ป้าย และ ปรับปรุงดูแลและรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำจำนวน 691หลัง โดยเราประมาณการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวใน 2H63ที่ 90 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 150 ล้านบาท ในปี 2564ภาพรวมปี 2563 เราคาดบริษัทมีกำไรสุทธิ 345ล้านบาท ปรับลดลง 54%YoY
สำหรับประเด็นที่ครม.อนุมัติการขึ้นอัตราภาษีป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1ม.ค.64ยังต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางรัฐบาล แต่บริษัทให้ข้อมูลว่าไม่น่าจะกระทบต่อกำไรสุทธิเกิน 3%หากอิงภาษีป้ายปัจจุบันที่จ่ายอยู่ราว 50 ล้านบาท
ปรับคำแนะนำจาก “เก็งกำไร” เป็น “ซื้อ” แม้คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะปรับลดลง จากผลกระทบ COVID-19แต่เรามองว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว และคาดว่าเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ PLANB เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์มากสุดจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา โดยคาดกำไรจะฟื้นตัวในปี 2564 เท่าตัวเป็น 709ล้านบาท คงมูลค่าพื้นฐานใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 6.50อิงวิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 7.3%