Contact us on +668 4668 1993 or aspasign2020@gmail.com

PLANB เริ่มเห็นสัญญาณฟื้น..แต่จังหวะซื้อมาหรือยัง?

PLANB เริ่มเห็นสัญญาณฟื้น..แต่จังหวะซื้อมาหรือยัง?
September 7, 2020 dhammarong

แม้ในช่วงไตรมาส 2/63 PLANB จะพลิกขาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้า ตลท. จากผลกระทบโควิด-19 แต่ครึ่งปีหลังดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า PLANB จะฟื้นตัวแบบ U-SHAPE แต่ที่นักลงทุนอาจสงสัยอยู่ก็คือ..สัญญาณซื้อมาหรือยัง?

*** ราคาช่วงเช้าแกว่งตัวกรอบแคบ

 

ราคาหุ้น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของช่วงเช้าวันนี้ (27 ส.ค.63) ที่ราคา 5.95 บาท ก่อนเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 5.85 บาท เท่ากับราคาเปิดซื้อขาย โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 34.66% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า

 

*** ล็อกดาวน์ทำโค้งสองพลิกขาดทุนครั้งแรก

 

ในช่วงไตรมาส 2/63 PLANB พลิกกลับมารายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 84.71 ล้านบาท จากไตรมาส 1/63 ที่มีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรายงานขาดทุนสุทธิครั้งแรกของ PLANB นับตั้งแต่จดทะเบียนเข้ามาอยูในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 58 โดยสาเหตุหลักของการรายงานขาดทุนครั้งนี้ เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้รายได้ไตรมาส 2/63 ของ PLANB เหลือ 659 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลูกค้ายกเลิกโฆษณา และลดงบโฆษณาลงจากเดิม ขณะที่กิจกรรมการตลาดต่างๆ ถูกยกเลิกทั้งหมด

รวมถึงการแข่งขันโอลิมปิค 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมจะจัดขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.63 โดย PLANB ได้สิทธิบริหารสื่อโฆษณา ในการแข่งขันดังกล่าวด้วย ส่งผลให้อัตราการใช้สื่อโฆษณาในช่วงไตรมาส 2/63 ลดลงเหลือ 31% เทียบกับปีก่อนที่มียอดใช้ 75%

 

*** จับตาโค้ง 3 เริ่มเทิร์นอะราวด์

 

บล.เคทีบี ระบุว่า แม้ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ PLANB จะขาดทุนสุทธิ 1 ล้านบาท แต่ยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของ PLANB จะเริ่ม Turnaround ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้า และสนามบินด้วย

เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า ที่ระบุว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังของ PLANB จะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมการตลาดที่เริ่มกลับมาจัดมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเริ่มกลับมาใช้งบโฆษณา โดยงานโครงการใหญ่ที่เดินหน้าต่อ ได้แก่โครงการติดตั้งป้ายโฆษณาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในกรุงเทพฯและหัวเมืองต่างๆ ซึ่งทยอยติดตั้งแล้ว 500 สาขา และกำลังทยอยติดตั้งอีก  500  สาขา ในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ PLANB ยังมีโครงการใหม่อย่าง Smart Bus Shelter จากสำนักงานการจราจรกรมขนส่งกรุงเทพฯ ในการสร้างและใช้ป้ายรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะ และบริหารจัดการพื้นที่สื่อป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์จำนวน 1,170 ป้าย และปรับปรุงดูแลและรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง จำนวน 691 หลัง โดยประมาณการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวในครึ่งปีหลัง จำนวน 90 ล้านบาท

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า ผู้บริหาร PLANB เปิดเผยว่ายอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาของบริษัทฯ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว เกือบจะมากกว่ารายได้รวมทั้งไตรมาส 2/63 ซึ่งปัจจัยดังกล่าว เป็นสัญญาณการฟื้นตัวของงบโฆษณาในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วน บล.บัวหลวง มองว่าการฟื้นตัวของ PLANB ในช่วงครึ่งปีหลัง จะออกมาในรูปแบบ U-SHAPE โดยไม่เชื่อว่าการระบาดโควิด-19 จะส่งผลให้ผู้คนไม่กล้าออกนอกบ้าน และเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนในระยะยาว ซึ่งยังมั่นใจว่า PLANB จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง

 

*** โบรกฯ มองปี 63 กำไรทรุดตัว ก่อนโตแรงปี 64

 

แม้ว่านักวิเคราะห์หลายสำนัก จะมองคล้ายกันว่า PLANB จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบครึ่งปีแรกได้ เพราะการกลับมาใช้สื่อโฆษณาในปี 63 ยังคงถูกกดันจากผลกระทบโควิด-19 อยู่บ้าง ซึ่ง บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่ายอดใช้สื่อโฆษณาทั้งปี 63 จะลดลงมาอยู่ที่ 51% (เดิม 78%)

ขณะที่ บล.เคทีบี มองว่า PLANB จะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 64 ซึ่งจะได้แรงหนุนจาก OOH media เติบโตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 65.3% จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง

นอกจากนี้ PLANB ยังจะรับรู้รายได้ จากโครงการติดตั้งป้ายโฆษณาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำนวน 1,000 สาขาเต็มปี และรับรู้รายได้โครงการ Smart Bus Shelter เต็มปีด้วยเช่นกัน ขณะที่รายได้ Engagement Marketing คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้การจัดการป้ายโฆษณาในการแข่งขันโอลิมปิค จำนวน 536 ล้านบาท

สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า ที่ระบุว่าในปีหน้า PLANB จะรับรู้รายได้จากโครงการ Smart Bus Shelter เพิ่มจากปี 63 อีกราว 60 ล้านบาท เป็น 150 ล้านบาท

ส่วน ประเด็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการขึ้นอัตราภาษีป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.64 ยังต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล แต่ PLANB ให้ข้อมูลว่าไม่น่าจะกระทบต่อกำไรสุทธิเกิน 3% หากอิงภาษีป้ายโฆษณาปัจจุบัน ที่จ่ายอยู่ราว 50 ล้านบาทต่อปี

 

ตารางแสดงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 และปี 64 จากหลายสำนักวิเคราะห์

บล. กำไรสุทธิปี 63 (ลบ.)  กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.)
เคทีบี 211 (-72%YoY) 849 (+301%YoY)
เอเซีย พลัส 292 (-61%YoY) 722 (+147%YoY)
หยวนต้า 345 (-54%YoY) 709 (+117%YoY)
ทิสโก้ 407 (-45%YoY) 852 (+109%YoY)

 

*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ”ซื้อ” แต่ปรับใช้ราคาปี 64

 

จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงแนะนำ”ซื้อ” พร้อมปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 64 โดยมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของ PLANB จะฟื้นตัวขึ้น หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ก่อนกลับมาเติบโตแรงในปี 64 จากเม็ดเงินโฆษณากลับสู่ภาวะปกติ

 

บล. คำแนะนำ ราคาเหมาะสมปี 64 (บ.)
โนมูระ พัฒนสิน ซื้อเก็งกำไร 6.15
หยวนต้า ซื้อ 6.50
เคทีบี ซื้อ 7.00
ทิสโก้ ซื้อ 7.30
กรุงศรี ซื้อ 7.80
ราคาเฉลี่ย 6.95

 

หากนักลงทุนจะเข้าลงทุนในหุ้น PLANB ช่วงนี้ ควรรับรู้ว่าราคาหุ้นขณะนี้ ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หลายสำนัก ยังปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 64 กันหมดอีกด้วย สะท้อนว่าราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ คือการซื้ออนาคตนั่นเอง ดังนั้นนักลงทุนควรชั่งใจให้ดีว่า สามารถอดทนถือหุ้น PLANB ระยะยาวได้หรือไม่ หากต้องการเข้าลงทุนในช่วงนี้…

 

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : efinancethai.com