แม้ในช่วงไตรมาส 2/63 PLANB จะพลิกขาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้า ตลท. จากผลกระทบโควิด-19 แต่ครึ่งปีหลังดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า PLANB จะฟื้นตัวแบบ U-SHAPE แต่ที่นักลงทุนอาจสงสัยอยู่ก็คือ..สัญญาณซื้อมาหรือยัง?
*** ราคาช่วงเช้าแกว่งตัวกรอบแคบ
ราคาหุ้น บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB พุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดของช่วงเช้าวันนี้ (27 ส.ค.63) ที่ราคา 5.95 บาท ก่อนเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และปิดซื้อขายภาคเช้าด้วยราคา 5.85 บาท เท่ากับราคาเปิดซื้อขาย โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น 34.66% จาก 5 วันทำการก่อนหน้า
*** ล็อกดาวน์ทำโค้งสองพลิกขาดทุนครั้งแรก
ในช่วงไตรมาส 2/63 PLANB พลิกกลับมารายงานขาดทุนสุทธิจำนวน 84.71 ล้านบาท จากไตรมาส 1/63 ที่มีกำไรสุทธิ 84 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรายงานขาดทุนสุทธิครั้งแรกของ PLANB นับตั้งแต่จดทะเบียนเข้ามาอยูในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อปี 58 โดยสาเหตุหลักของการรายงานขาดทุนครั้งนี้ เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างหนัก
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้รายได้ไตรมาส 2/63 ของ PLANB เหลือ 659 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลูกค้ายกเลิกโฆษณา และลดงบโฆษณาลงจากเดิม ขณะที่กิจกรรมการตลาดต่างๆ ถูกยกเลิกทั้งหมด
รวมถึงการแข่งขันโอลิมปิค 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมจะจัดขึ้นในวันที่ 24 ก.ค.63 โดย PLANB ได้สิทธิบริหารสื่อโฆษณา ในการแข่งขันดังกล่าวด้วย ส่งผลให้อัตราการใช้สื่อโฆษณาในช่วงไตรมาส 2/63 ลดลงเหลือ 31% เทียบกับปีก่อนที่มียอดใช้ 75%
*** จับตาโค้ง 3 เริ่มเทิร์นอะราวด์
บล.เคทีบี ระบุว่า แม้ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ PLANB จะขาดทุนสุทธิ 1 ล้านบาท แต่ยังเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของ PLANB จะเริ่ม Turnaround ตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป โดยได้แรงหนุนจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้า และสนามบินด้วย
เช่นเดียวกับ บล.หยวนต้า ที่ระบุว่า ผลประกอบการครึ่งปีหลังของ PLANB จะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมการตลาดที่เริ่มกลับมาจัดมากขึ้น รวมถึงลูกค้าเริ่มกลับมาใช้งบโฆษณา โดยงานโครงการใหญ่ที่เดินหน้าต่อ ได้แก่โครงการติดตั้งป้ายโฆษณาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในกรุงเทพฯและหัวเมืองต่างๆ ซึ่งทยอยติดตั้งแล้ว 500 สาขา และกำลังทยอยติดตั้งอีก 500 สาขา ในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ PLANB ยังมีโครงการใหม่อย่าง Smart Bus Shelter จากสำนักงานการจราจรกรมขนส่งกรุงเทพฯ ในการสร้างและใช้ป้ายรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะ และบริหารจัดการพื้นที่สื่อป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์จำนวน 1,170 ป้าย และปรับปรุงดูแลและรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทาง จำนวน 691 หลัง โดยประมาณการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวในครึ่งปีหลัง จำนวน 90 ล้านบาท
ด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า ผู้บริหาร PLANB เปิดเผยว่ายอดจองพื้นที่สื่อโฆษณาของบริษัทฯ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว เกือบจะมากกว่ารายได้รวมทั้งไตรมาส 2/63 ซึ่งปัจจัยดังกล่าว เป็นสัญญาณการฟื้นตัวของงบโฆษณาในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วน บล.บัวหลวง มองว่าการฟื้นตัวของ PLANB ในช่วงครึ่งปีหลัง จะออกมาในรูปแบบ U-SHAPE โดยไม่เชื่อว่าการระบาดโควิด-19 จะส่งผลให้ผู้คนไม่กล้าออกนอกบ้าน และเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนในระยะยาว ซึ่งยังมั่นใจว่า PLANB จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง
*** โบรกฯ มองปี 63 กำไรทรุดตัว ก่อนโตแรงปี 64
แม้ว่านักวิเคราะห์หลายสำนัก จะมองคล้ายกันว่า PLANB จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบครึ่งปีแรกได้ เพราะการกลับมาใช้สื่อโฆษณาในปี 63 ยังคงถูกกดันจากผลกระทบโควิด-19 อยู่บ้าง ซึ่ง บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่ายอดใช้สื่อโฆษณาทั้งปี 63 จะลดลงมาอยู่ที่ 51% (เดิม 78%)
ขณะที่ บล.เคทีบี มองว่า PLANB จะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 64 ซึ่งจะได้แรงหนุนจาก OOH media เติบโตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 65.3% จากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัว หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายลง
นอกจากนี้ PLANB ยังจะรับรู้รายได้ จากโครงการติดตั้งป้ายโฆษณาร้านเซเว่นอีเลฟเว่น จำนวน 1,000 สาขาเต็มปี และรับรู้รายได้โครงการ Smart Bus Shelter เต็มปีด้วยเช่นกัน ขณะที่รายได้ Engagement Marketing คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้การจัดการป้ายโฆษณาในการแข่งขันโอลิมปิค จำนวน 536 ล้านบาท
สอดคล้องกับ บล.หยวนต้า ที่ระบุว่าในปีหน้า PLANB จะรับรู้รายได้จากโครงการ Smart Bus Shelter เพิ่มจากปี 63 อีกราว 60 ล้านบาท เป็น 150 ล้านบาท
ส่วน ประเด็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการขึ้นอัตราภาษีป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.64 ยังต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล แต่ PLANB ให้ข้อมูลว่าไม่น่าจะกระทบต่อกำไรสุทธิเกิน 3% หากอิงภาษีป้ายโฆษณาปัจจุบัน ที่จ่ายอยู่ราว 50 ล้านบาทต่อปี
ตารางแสดงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 และปี 64 จากหลายสำนักวิเคราะห์
บล. | กำไรสุทธิปี 63 (ลบ.) | กำไรสุทธิปี 64 (ลบ.) |
เคทีบี | 211 (-72%YoY) | 849 (+301%YoY) |
เอเซีย พลัส | 292 (-61%YoY) | 722 (+147%YoY) |
หยวนต้า | 345 (-54%YoY) | 709 (+117%YoY) |
ทิสโก้ | 407 (-45%YoY) | 852 (+109%YoY) |
*** โบรกฯ ส่วนใหญ่แนะนำ”ซื้อ” แต่ปรับใช้ราคาปี 64
จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงแนะนำ”ซื้อ” พร้อมปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 64 โดยมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของ PLANB จะฟื้นตัวขึ้น หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ก่อนกลับมาเติบโตแรงในปี 64 จากเม็ดเงินโฆษณากลับสู่ภาวะปกติ
บล. | คำแนะนำ | ราคาเหมาะสมปี 64 (บ.) |
โนมูระ พัฒนสิน | ซื้อเก็งกำไร | 6.15 |
หยวนต้า | ซื้อ | 6.50 |
เคทีบี | ซื้อ | 7.00 |
ทิสโก้ | ซื้อ | 7.30 |
กรุงศรี | ซื้อ | 7.80 |
ราคาเฉลี่ย | 6.95 |
หากนักลงทุนจะเข้าลงทุนในหุ้น PLANB ช่วงนี้ ควรรับรู้ว่าราคาหุ้นขณะนี้ ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หลายสำนัก ยังปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 64 กันหมดอีกด้วย สะท้อนว่าราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ คือการซื้ออนาคตนั่นเอง ดังนั้นนักลงทุนควรชั่งใจให้ดีว่า สามารถอดทนถือหุ้น PLANB ระยะยาวได้หรือไม่ หากต้องการเข้าลงทุนในช่วงนี้…
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : efinancethai.com