ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ได้ปรับลดประมาณการกำไรของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ในปี 2563-2564 ลง เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนแอใน 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยได้ปรับสมมติฐานสำคัญ ได้แก่ปรับลดรายได้ปีนี้ลง 4% แต่ปรับเพิ่มรายได้ปี 2564 ขึ้นอีก 1% โดยปรับลดอัตราการใช้สื่อโฆษณาปีนี้ลง 3% แต่ยังคงของปีหน้าเอาไว้เท่าเดิม และปรับเพิ่มต้นทุนปี 2563-64 ขึ้นอีก 1% – 6% รวมทั้งปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับปี 2563-64 ลง 17% และ 9% ตามลำดับ
ทั้งนี้ หลังจากปรับสมมติฐานข้างต้นแล้วทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ของฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ ลดลงจากเดิม 71% เหลือ 40 ล้านบาท ลดลง 95% จากปีก่อน และปี 2564 ลดลงจากเดิม 7% เหลือ 683 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,610%
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/63 คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 8 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ที่ขาดทุนสุทธิถึง 85 ล้านบาท สาเหตุที่ดีขึ้น เพราะรายได้จากสื่อนอกบ้าน เพิ่มขึ้นตามความสามารถในการให้บริการ และอัตราการใช้สื่อที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ผลประกอบการแย่ลง โดยช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 186 ล้านบาท สาเหตุที่แย่ลง เพราะรายได้ลดลงเนื่องจากธุรกิจสื่อ และ การจัดกิจกรรม engagement marketing ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตามคาดว่า PLANB จะพลิกเป็นกำไรได้ในไตรมาส 4/63 และกำไรจะโตต่อเนื่องได้ในปี 2564 เนื่องจาก คาดรายได้จากสื่อนอกบ้านเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ซึ่งจะทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น, รายได้จากโครงการให้บริการป้ายโฆษณาใน 7-Eleven เพิ่มขึ้นตามจำนวนจอโฆษณาที่ตั้งเป้าจะติดตั้งในสาขาร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้นจาก 850 สาขาในไตรมาส 3/63 เป็น 1,000 สาขาในปีนี้ และ 1,500 สาขาในปีหน้า
และ PLANB จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโอลิมปิก โตเกียว ตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทจะมีการออกอากาศรายการแนะนำทีมนักกีฬาไทยที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
ทั้งนี้ ภายใต้ประมาณการใหม่ ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ลดลงเหลือ 6.20 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 6.70 บาทต่อหุ้น แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2564
ราคาหุ้น PLANB พักเที่ยง ปิดที่ 5.40 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.93% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 21.80 ล้านบาท
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thunhoon.com
