ทันหุ้น –สู้โควิด –AQUA มองข้ามปี คาดเม็ดเงินโฆษณาปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีนี้ มั่นใจรายได้จะกลับมาก้าวกระโดด เชื่อธุรกิจภายในประเทศยังมีการเติบโตที่ดี แม้ปีนี้จะชะลอตัวจากโรคโควิด-19 กระทบธุกิจวงกว้าง พร้อมยอมรับรายได้ปีนี้คาดจะต่ำกว่าปีก่อน
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ติดตั้งสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย ตลอดจนรายได้ประจำจำนวนมากจากค่าเช่าคลังสินค้าภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจสื่อโฆษณาในปีนี้ยังชะลอตัว เนื่องจากผู้ประกอบการลดเม็ดเงินโฆษณาลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงบางบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19จึงมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ธุรกิจสื้อโฆษณายังไม่มีมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน เเต่ทิศทางในช่วงไตรมาสที่ 4/2563คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น หากเทียบกับไตรมาสที่ 3/2563
ด้านงบโฆษณารวมของสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ปรับตัวลดลง 11.5% มาอยู่ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามทิศทางงบโฆษณาที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่มีการปิดพื้นที่เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ในขณะที่งบโฆษณาโดยรวมลดลง 13.2% มาอยู่ที่ระดับ 51,000ล้านบาท ในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้ คาดว่างบโฆษณาโดยรวมของสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัยจะลดลงประมาณ 25% ในปี 2563แต่มีแนวโน้มที่จะเริ่มฟื้นตัวตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2563
*ปี 64 ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่มองทิศทางในปี 2564 คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น เเละกลุ่มธุรกิจต่างๆ คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตาม โดยผู้ประกอบการทั้งหลายที่อั้นเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้จะกลับมาเร่งตัวเพื่อโฆษณาสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยจะทำให้รายได้กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด
สำหรับการเติบโตในปีนี้ ด้านรายได้ต้องยอมรับว่าจะต่ำกว่าปี 2562 หรืออยู่ที่ 1,527.52 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิที่่ 559.59 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด- 19ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยและค่าใช้จ่ายโฆษณา และทำให้เกิดการยกเลิกการจัดกิจกรรมต่างๆ และตัดงบโฆษณาลง
*รายได้ประจำหนุนฐาน
ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ประมาณการรายได้ประจำจะช่วยทำให้อัตรากำไรและกระแสเงินสดของบริษัทมีเสถียรภาพ ประมาณการว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดประจำจากสัญญาเช่าระยะยาวในธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าทั้งหมดประมาณ 300-360 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565 โดยรายได้ค่าเช่าคาดว่าจะเติบโต 1%-3% ต่อปี ตามอัตราการปรับค่าเช่าในสัญญา อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจคลังสินค้าน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 85-92% ในระหว่างปี 2563-2565
ทั้งนี้ จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่ค่อนข้างมั่นคงที่บริษัทมีกับหน่วยงานสาธารณูปโภคของรัฐและผู้ซื้อไฟฟ้าเอกชนหลาย ๆ ราย โดยประมาณการว่าบริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทอีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป ประมาณปีละ 155-200 ล้านบาท ในระหว่างปี 2563-2565
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : thunhoon.com
