เอ็มไอ เผยมูลค่าอุตสาหกรรมโฆษณาพุ่ง 7.9 หมื่นล้าน โตขึ้น 5-10% สัญญาณบวก ภาคธุรกิจเริ่มกล้าใช้งบโฆษณา ทีวี, ดิจิทัล, สื่อนอกบ้าน ทำเงินมากสุด ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์-สุขภาพ-การสื่อสาร-อีมาร์เก็ตเพลซ-เครื่องดื่ม กลุ่มหลักทำเม็ดเงิน
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือเอ็มไอ มีเดียเอเยนซี่รายใหญ่ เปิดเผยว่า แม้ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา จะมีข่าวคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดบางแค แต่ท่าทีของประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ตื่นตระหนกเหมือนครั้งก่อน ๆ
“คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาเติบโตขึ้นอย่างน้อย 5-10% มูลค่าตลาดรวมกว่า 79,619 ล้านบาท จากปี 63 ที่มีมูลค่ารวม 73,720 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8%”
โดยแบ่งเป็น สื่อทีวี 40,409 ล้านบาท เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ละคร 40-50% รองลงมาเป็นรายการข่าว 20-30% ซึ่งหลัก ๆ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังคงเสพความบันเทิงและติดตามข่าวสารรอบตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสื่อดิจิทัล ในปีนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงิน 21,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะตกที่แพลตฟอร์มเจ้าดังอย่างเฟซบุ๊ก รองลงมาเป็นกูเกิล ส่วนที่มาแรงไม่แพ้กันคงเป็นตลาดอินฟลูเอนเซอร์ KOL แม้ยังไม่มีใครรู้มูลค่ารวมของตลาดดังกล่าว แต่ถูกคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะมีเม็ดเงินโฆษณาในตลาดนี้พอสมควร
สำหรับสื่อนอกบ้าน มีมูลค่า 9,883 ล้านบาท เริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาเดินทางมากยิ่งขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับสื่อวิทยุ 2,900 ล้านบาท ที่มีปัจจัยเอื้อจากโควิด กลายเป็นสื่อที่มีคนฟังมากขึ้น และคาดว่าจะกลายเป็นอีกสื่อที่จะเจาะกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มได้
ส่วนสื่อโรงภาพยนตร์ ปีนี้มีมูลค่าประมาณ 1,360 ล้านบาท แต่ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเคยชินกับการดูสื่อในบ้าน ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้สื่อดังกล่าวกลับมาดีขึ้นคือ ภาพยนตร์ต้องมีเอฟเฟ็กต์กับกลุ่มคนมาก แบรนด์จึงกล้าลงเม็ดเงิน
ด้านสื่อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ที่มีมูลค่า 2,700 และ 600 ล้าน ตามลำดับ ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าจะกลับมาบวก
ทั้งนี้ นายภวัต ประเมินว่าในปีนี้จะมี 5 อุตสาหกรรมหลักที่ช่วยผลักดันเม็ดเงินโฆษณา ได้แก่
1.กลุ่มยานยนต์และประเภทรถยนต์ ด้วยปัจจัยผู้เล่นรายใหม่จากจีนที่เข้ามาทำตลาด ผนวกกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้า EV ช่วยทำให้ตลาดคึกคักอีกครั้ง
2.กลุ่มสุขภาพและความงาม เนื่องจากการมาของโรคอุบัติใหม่ รวมไปถึงมลพิษต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดโตตามขึ้นมา
3.กลุ่มสื่อโทรคมนาคมและอุปกรณ์สื่อสาร ในปี 64 เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ตลาดมีแนวโน้มสดใส
4.กลุ่มอีมาร์เกตเพลซ การกระตุ้นการขายด้วยแคมเปญดับเบิลเดย์ อาทิ 11.11, 3.3 จะทำให้แบรนด์ใช้งบโฆษณาเพื่อโปรโมตเทศกาล
5.กลุ่มเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนอลดริงก์ เครื่องดื่มวิตามิน ช่วยกระตุ้นเม็ดเงินค่อนข้างมาก
“อย่างไรก็ตาม แม้ปีนี้เม็ดเงินโฆษณามีแนวโน้มดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่การจะฟื้นตัวกลับไปเท่าปี 62 ที่มีเม็ดเงินราว 90,000 ล้านบาท คงต้องใช้เวลาประมาณปี 66 ส่วนการที่อุตสาหกรรมโฆษณาจะมีมูลค่าแตะหลักแสนล้าน คิดว่าคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากแลนด์สเคปเปลี่ยนไปมากแล้ว”
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : prachachat.net