“หดหู่ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ” สามคำสั้น ๆ ที่บ่งบอกความรู้สึกในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี เมื่อ “การอยู่บ้าน” กลายเป็นข้อบังคับที่ใช้เพื่อหลบเชื้อในช่วงโรคระบาด และการ “ออกนอกบ้าน” เป็นเหมือนการโยนตัวเองลงบ่อจระเข้ที่เต็มไปด้วยอันตราย ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์
หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจ “สื่อนอกบ้าน” ที่ต้องพึ่งพาการออกจากบ้านของคนเป็นหลัก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนต้องอยู่ในบ้าน แต่สื่อกลับอยู่นอกบ้าน? อุปสรรคที่แก้ยากพอ ๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขานี้ พวกเขาผ่านมันมาได้อย่างไร
วันนี้ ADclusive หาคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว! โดยเราได้รับเกียรติจาก ‘คุณพาขวัญ วงศ์พลทวี’ Chief Business Development Officer และ Chief Marketing and Partnership Officer แห่ง Plan B Media มาช่วยไขคำตอบของข้อสงสัยนี้แบบเจาะลึก!
เท่านั้นไม่พอ เราเชิญ Plan B Media บริษัทผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านรายใหญ่ของไทยมาทั้งที จะพลาดถามเรื่องเทรนด์สื่อนอกบ้านปี 2022 ไปได้อย่างไร! รับรองว่าบทความนี้สรุปเทรนด์สื่อนอกบ้านมาให้ครบทุกประเด็น ทั้งเรื่องของการผสาน Virtual Influencer เข้ากับสื่อนอกบ้าน รวมไปถึงเทรนด์ NFT อีกด้วย ที่สำคัญมาพร้อมเทคนิคดี ๆ ในการนำไปปรับใช้กับธุรกิจแบบเข้าใจง่าย!
ถ้าพร้อมรับสาระดี ๆ ที่เต็มไปด้วยความรู้แบบนี้แล้ว ก็เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลยจ้า~
‘มาตรการล็อกดาวน์’ วิกฤตที่สื่อนอกบ้านต้องเผชิญ
ในฐานะประชาชนคนธรรมดาที่ออกนอกบ้าน เพื่อหาความสุขให้ชีวิต การต้องอยู่บ้านจากมาตรการล็อกดาวน์ อาจแค่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายและหมดไฟ แต่สำหรับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาการออกนอกบ้านของเรานั้น ‘มาตรการล็อกดาวน์’ เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับบริษัท
แน่นอนว่า Plan B เองก็เช่นกัน โดยคุณพาขวัญ อธิบายให้เราเห็นภาพผลกระทบ โดยการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 Wave ของการระบาดหลัก ๆ
- Wave 1 ตกใจ : ย้อนกลับไปในช่วงแรกที่โรคระบาดปรากฎตัวขึ้นมาทักทาย แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือ ความตกใจและทำอะไรไม่ถูก ทำให้ธุรกิจหลาย ๆ อย่างชะลอตัว แม้แต่ตัว Plan B เอง ลูกค้าก็มีการชะลอการใช้สื่อ เพราะอยากให้รอดูสถานการณ์ก่อน
- Wave 2 เริ่มปรับตัว : หลังจากผ่านพ้นในช่วงแรกมาได้ ก็เข้าสู่ช่วงของการปรับตัว เราเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่กับโรคระบาดมากขึ้น มีการป้องกันตัว และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ซึ่งทำให้ Journey ของคนเปลี่ยนไปด้วย จากปกติที่ตื่นเช้าออกจากบ้านไปทำงาน เป็นการ WFH และออกจากบ้านในช่วงที่จำเป็นเท่านั้น
- Wave 3 คุ้นชิน : ใน Wave นี้ ทุกคนคุ้นชินกับการใช้ชีวิตภายใต้โรคระบาดแล้ว ความกลัวลดลง และความอยากออกมาจากบ้านมากขึ้น เพราะมนุษย์เอง ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์สังคม เราย่อมต้องอยากออกไปสังสรรค์ข้างนอกกันอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มาตรการล็อกดาวน์คลายลง ร้านหมูกระทะ หรือร้านปิ้งย่างชาบูจะเต็มตลอด เหมือนดังที่คุณพาขวัญกล่าวว่า
“ไม่ใช่ว่าเราอยากอยู่บ้าน
แต่เราอยู่บ้านเพราะจำเป็นให้อยู่”
ดังนั้นตราบใดที่คนยังมีความต้องการที่จะออกจากบ้าน “สื่อนอกบ้าน” เอง ก็จะอยู่รอดได้ด้วยพฤติกรรมของคน ซึ่งในช่วง Wave 3 นั้น ทางลูกค้าของ Plan B เอง ก็มีการปรับตัว ไม่มีการเลื่อนสื่อเหมือนอย่างช่วงแรก ๆ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในแวดวงธุรกิจสื่อนอกบ้านนี้
มุ่งปรับตัว และเปลี่ยนแปลง เพื่อความอยู่รอด
‘การปรับตัว’ เป็นพื้นฐานสำคัญในการเอาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิต เหมือนเช่นกระบองเพชรที่ยอมเปลี่ยนใบเป็นหนาม เพื่อเอาชีวิตรอดในทะเลทราย ทาง Plan B เองก็เช่นกัน ซึ่งคุณพาขวัญได้เล่าถึงวิธีการปรับตัวของ Plan B ให้เราฟัง ซึ่งขอบอกเลยว่า เป็นอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน
ก่อนเกิดวิกฤต ความตั้งใจหลักของ Plan B คือการขยายสื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นทื่ ทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย แต่พอเจอกับโรคระบาดเข้า ทำให้ทางทีมต้องหันมามองกันใหม่ว่า เราจะเปลี่ยนกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างไร สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่น่าประทับใจว่า “ในช่วงวิกฤตแบบนี้ การมานั่งขายของอย่างเดียวก็คงไม่ใช่เวลา แต่เราต้องนำสื่อของเราไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถดำเนินต่อไปได้”
ทาง Plan B เองจึงได้มีการจัดแคมเปญใหญ่ ๆ ขึ้นมา 2 แคมเปญนั่นก็คือ
- Thailand Together As One : ส่งข้อความพลังบวก ให้กำลังใจ โดยใช้สื่อนอกบ้านร่วมด้วย
- ฝากร้านผ่านจอ : ช่วยเหลือร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบ โดยการนำภาพร้านค้าที่มาฝากร้านใต้โพสต์ในเพจ Plan B มาขึ้นจอ OOH พร้อมใส่ชื่อร้าน ภาพและเบอร์โทร จนเกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
“ในช่วงเวลาวิกฤตเราก็ยังทำหน้าที่เป็นสื่อในอีกมิติ
ที่ให้ประโยชน์ต่อสังคม”
ส่วนในมุมของธุรกิจ โชคดีที่ในช่วงโรคระบาด ทาง Plan B เองได้รับสัมปทานสิทธิถ่ายทอดสดโตเกียวโอลิมปิก 2020 ทำให้เราได้เห็นแคมเปญดี ๆ ที่นำสื่อนอกบ้านมาประชาสัมพันธ์งานโอลิมปิกได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดแมตช์ชิงชนะเลิศ วินาทีที่น้องเทนนิสได้แชมป์เทควันโด ก็เรียกน้ำตาแห่งความยินดีจากชาวไทยทั้งประเทศได้เป็นอย่างดี
สื่อนอกบ้านหลังล็อกดาวน์ ความนิยมที่แปรผันตามผู้บริโภค
ตราบใดที่ฝนไม่ได้ตกทุกวัน สถานการณ์โควิดก็ต้องมีวันจบลงเช่นเดียวกัน โดยเราจะเห็นว่าในช่วงนี้ ได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง และประชาชนเองก็กลับมาใช้ชีวิต ‘เกือบ’ จะปกติแล้ว
โดยคุณพาขวัญได้แชร์ data ดี ๆ จาก Google Mobility Trends ที่มีการเก็บข้อมูลการเดินทางของผู้คนไปยังสถานที่ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มที่คนเดินทางไปยังกลุ่ม Parks หรือสวนสาธารณะ, อุทยานแห่งชาติ, ตลาดนัด ไปจนถึงชายหาดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสถานที่บางแห่งอาจสูงกว่าปกติด้วยซ้ำ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนโหยหาในการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ดังนั้นในส่วนของสื่อนอกบ้านเอง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่นในช่วงเทศกาลที่ผ่านในเดือนธันวาคม ผู้คนต่างออกไปจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น เป็นผลให้สื่อนอกบ้านโซนศูนย์การค้าได้รับความนิยมมากตามไปด้วย ทำให้สามารถสรุปการเปลี่ยนแปลงของสื่อนอกบ้านหลังมาตรการล็อกดาวน์ได้ว่า
“เทรนด์สื่อนอกบ้าน มันจะแปรผันไปพร้อมกับ
พฤติกรรมของผู้บริโภค”
จับตามอง 3 เทรนด์สื่อนอกบ้านในปี 2022
ก้าวสู่ปี 2022 แล้ว ถ้าเราไม่พูดเรื่อง “เทรนด์” ก็ดูเหมือนจะตกข่าวเกินไปหน่อย! ระหว่างสัมภาษณ์เราเลยได้โอกาสถามคุณพาขวัญถึงเรื่องเทรนด์สื่อนอกบ้านในปี 2022 มา ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ดังนี้
1. กลุ่มของธุรกิจที่เข้ามาใช้งานสื่อเปลี่ยนไปจากเดิม : คุณพาขวัญมองว่าในปี 2022 นี้ สื่อนอกบ้าน ก็ยังคงทำหน้าที่เป็น “สื่อ” เหมือนเดิม เพียงแต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาใช้งานสื่อประเภทนี้ เช่นกลุ่มธุรกิจประเภท Cryptocurrency, Blockchain รวมไปถึง Metaverse
2. การวัดผลสื่อนอกบ้าน ต้องมีตัวเลขชี้วัดได้ : ในอดีต จุดอ่อนของสื่อนอกบ้าน ก็คือ “การวัดผล” ที่ไม่สามารถวัดจำนวนของ eyeball ได้ ว่ามีคนเห็นเท่าไหร่ ซึ่งทาง Plan B เองก็มีการปรับตัวในเรื่องนี้ และพัฒนา Magnetic แพลตฟอร์มในการวัดผลสื่อนอกบ้านขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหา รวมไปถึงคุณพาขวัญเองก็ได้แชร์ว่า Plan B มีแพลนที่จะพัฒนาการซื้อสื่อนอกบ้าน ให้สามารถทำผ่านออนไลน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คนให้ยุ่งยาก ซึ่งเราก็ต้องมาจับตามองกันต่อไป
3. ยกระดับประสบการณ์การเสพสื่อ : สิ่งที่ทำให้สื่อนอกบ้าน แตกต่างจากสื่ออื่น ๆ บนออนไลน์ ก็คือ “ความตื่นตาตื่นใจ” เพราะการได้เห็นจอบริเวณหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ขนาด 3,000 กว่าตารางเมตร ย่อมตรึงใจมากกว่าจอมือถือเล็ก ๆ อยู่แล้ว ทำให้ปี 2022 นี้สื่อนอกบ้าน ก็ต้องมีการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ มานำเสนอต่อผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น 3D คอนเทนต์ ไปจนถึง 4D คอนเทนต์ ซึ่งหากสามารถทำได้สำเร็จ ก็จะต่อยอดไปยังกลยุทธ์ O2O หรือการที่ Out of Home ถูกนำไปพูดถึงบนโลก Online นั่นเอง
เห็นเทรนด์สื่อนอกบ้านปี 2022 แบบนี้แล้ว คุณพาขวัญจึงมีเทคนิคดี ๆ ในการใช้สื่อนอกบ้านให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดมาแชร์ โดยแนะนำให้แบรนด์เน้นไปที่ “ระยะเวลาที่เหมาะสม และนานเพียงพอ” แบรนด์ไม่ควรที่จะซื้อสื่อเพียง 15 วัน หรือ 30 วัน เพราะด้วยลักษณะของ OOH เองแล้ว เป็นสื่อที่ต้องใช้การซึมซับกับผู้บริโภค ต้องเจอบ่อย ถึงจะคุ้นชิน ดังนั้นจึงต้องใช้สถานที่เหมาะสมตาม Journey และระยะเวลาที่นานเพียงพอให้คนคุ้นชิน
โปรเจกต์ ‘น้องกะทิ’ เมื่อ Virtual influencer ขึ้นบิลบอร์ด
อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กระแส OOH ก็คือ Virtual influencer ที่เกิดมาจากความโด่งดังของกระแส Influencer Marketing ที่แม้จะมีส่วนสำคัญในการโน้วน้าวผู้คนให้เชื่อในตัวแบรนด์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วย “ความไม่แน่นอน” เพราะภาพลักษณ์ของแบรนด์ ย่อมผูกติดกับอินฟลูฯ ที่เลือก ดังนั้น หากอินฟลูฯ เกิดแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจนกลายเป็นดราม่า แบรนด์เองก็จะได้รับผลกระทบในส่วนนี้ด้วย
ซึ่งคุณพาขวัญเองก็ได้มองว่า Virtual influencer ไม่ได้ต้องการมาเปลี่ยนแปลงวงการอินฟลูเอนเซอร์ แต่แค่เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับแบรนด์ในปัจจุบันนั่นเอง
จากเทรนด์ในส่วนนี้ ทาง Plan B ก็ไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสในส่วนนี้ และสร้าง “น้องกะทิ” Virtual Influencer สาวชาวไทย จากความร่วมมือของบริษัทผู้เชี่ยวชาญอย่าง บริษัท เลมอนซ์ บางกอก จำกัด (Lemonz Bangkok) บริษัทลูกที่แตกยอดจาก SOUR Bangkok ที่รับหน้าที่พัฒนาคาแรกเตอร์ รวมถึงเสริมทัพด้วยบริษัท AWW Inc. ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการทำ Virtual Human เบอร์ 1 หนึ่งของญี่ปุ่น
เห็นรายชื่อบริษัทเบอร์ต้น ๆ แบบนี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่น้องกะทิจะกลายเป็น Virtual influencer ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแบบสุด ๆ ทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักเธอได้อย่างไม่ยาก
“Virtual influencer ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่เหมาะสมกับแบรนด์”
ในส่วนของ Plan B ก็มีการนำน้องกะทิมาอวดโฉมบนป้ายบิลบอร์ด เรียกเสียงฮือฮาให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก และในอนาคตเชื่อว่าน้องกะทิจะมาโลดแล่นอยู่บนสื่อนอกบ้านของ Plan B อีกอย่างแน่นอน แอดนี่รอติดตามไม่ไหวแล้วคร้าบบ
อนาคตของสื่อนอกบ้านกับการผสานโลกแห่ง NFT
ใครว่ามี Virtual influencer แล้ว Plan B จะจบแค่นี้! เพราะบริษัทยังแพลนในการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยล่าสุดก็ได้มีการผสานโลก NFT เข้ากับสื่อนอกบ้าน ผ่านงาน #BKKNFT REAL WORLD OUT OF HOME NFT EXPERIENCE
โปรเจกต์สุดยิ่งใหญ่ ด้วยการนำโลก “ออนไลน์” และ “ออฟไลน์” มาผสมผสานกัน ผ่านศิลปะ NFT กระแสสุดฮอตในปัจจุบัน โดยมีการจัดแสดง Outdoor Art Gallery ผ่าน network จอดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนพื้นที่กว่า 900 จอทั่วประเทศ!
ความตื่นเต้นยังไม่หมดแค่นี้ เพราะงานนี้ได้รับความร่วมมือจากศิลปินระดับโลก เช่น Seerlight, Misang และ Mark Constantine Inducil และศิลปินไทยที่มีชื่อเสียง เช่น Linecensor, Pondering, 3land, PUCK ฯลฯ รวมไปถึงนักสะสมที่เก็บงานของศิลปินทั่วโลกอีกมากมาย โดยเพื่อน ๆ สามารถติดตามชมผลงาน NFT ผ่านจอกันได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2022
แต่นี่เป็นแค่งานแรกในการเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ในอนาคตคุณพาขวัญได้ยืนยันกับเราว่า จะได้เห็นผลงาน NFT รูปแบบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม, มีม หรือการ์ด บนจออย่างแน่นอน เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกรสมกับ Plan B จริง ๆ
แม้จะเป็นเพียงการสัมภาษณ์ไม่กี่นาที แต่จากปริมาณเนื้อหาบทความแล้ว บอกเลยว่าสาระอัดแน่นแบบสุด ๆ เราจะได้เห็นว่าแม้ “สื่อนอกบ้าน” จะต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคจากสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้แค่ไหน แต่ Plan B ก็สามารถใช้กลยุทธ์ในการฝ่าฟันสิ่งกีดขวางพวกนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม และพาสื่อนอกบ้าน ให้กลายเป็นอีกหนึ่งสื่อที่ทรงอิทธิพลได้ในปัจจุบัน
ทาง Ad Addict ต้องขอบคุณคุณพาขวัญ วงศ์พลทวี Chief Business Development Officer และ Chief Marketing and Partnership Officer แห่ง Plan B Media ที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์พูดคุยกับเราในวันนี้ และเชื่อว่าในอนาคตเราจะได้เห็นแคมเปญดี ๆ จากทาง Plan B อีกอย่างแน่อน
สามารถติดตาม Plan B Media ได้ในช่องทางต่อไปนี้
- Website : https://www.planbmedia.co.th/
- Line : @planbmedia
- FB : https://www.facebook.com/planbmedia/
- IG : https://www.instagram.com/planbmedia/
- Blockdit : https://www.blockdit.com/planbmedia
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : adaddictth.com