หนึ่งในไฮไลท์ของงาน World Marketing Forum ครั้งที่ 3 จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (Marketing Association of Thailand) ร่วมกับสหพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) หัวข้อ “Marketing 6.0 & Trends: 2024 Way Forwards” โดย ดร.สมชาติ วิศิษฐชัญชาญ อุปนายกฝ่ายองค์ความรู้ด้านการตลาด สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ ผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล อุปนายกฝ่ายกิจกรรม การสื่อสาร และการตลาดยั่งยืน สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และหัวหน้าภาควิชาการตลาด ประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยผลสำรวจและการคาดการณ์เทรนด์การตลาดที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 ภายใต้กรอบแนวคิดของ Marketing 6.0 ที่ทำการสำรวจ CMO จำนวน 121 คน ใน 3 หัวข้อหลักคือ
– What จะเกิดอะไรขึ้นกับการตลาดไทยในปี 2024 ?
– How นักการตลาดต้องทำอย่างไรในปี 2024
– What’s Next แล้วการตลาดไทยจะเป็นอย่างไรในปี 2024
พร้อมด้วยข้อคิดการตลาดในปี 2024 พาแบรนด์ฝ่าอุปสรรค-ความท้าทาย และชนะใจลูกค้า
สรุปออกมาเป็น 10 เทรนด์การตลาดไทย ปี 2024 ดังนี้
What จะเกิดอะไรขึ้นกับการตลาดไทยในปี 2024 ?
1. มุมมองภาพรวมเศรษฐกิจปี 2024
– 50% ของกลุ่มตัวอย่าง CMO บอกว่า เศรษฐกิจในปี 2024 จะโตยาก
– คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 1.33%
2. สามปัจจัยที่กระทบการตลาดไทยมากที่สุดในปี 2024 (เรียงลำดับตามสกอร์ 5 พอยท์)
#1 สภาพเศรษฐกิจโลก: 4.51
#2 ลูกค้าเปลี่ยนแปลง: 4.43
#3 เทคโนโลยีดิจิทัล: 4.20
3. เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคแห่งปี 2024 ประกอบด้วย (เรียงลำดับตามสกอร์ 5 พอยท์)
#1 สุขภาพ: 4.55
เทรนด์สุขภาพกายและสุขภาพจิต จะเติบโตและมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และการใช้ชีวิตของผู้คนที่ตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น
#2 คุณภาพ: 4.37
#3. ดิจิทัล: 4.36
How นักการตลาดต้องทำอย่างไรในปี 2024
4. งบการตลาดปี 2024 ไม่ปรับเพิ่มขึ้น
ในปี 2023 งบการตลาดของแบรนด์ หรือองค์กรต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10% แต่สำหรับปี 2024 จากผลสำรวจพบว่า
– มากกว่า 50% บอกว่าไม่เพิ่มงบการตลาด
– คาดการณ์ว่างบการตลาดเพิ่มเพียง 3.99%
5. แพลตฟอร์มที่นักการตลาดควรให้ความสำคัญในปี 2024 (เรียงลำดับตามสกอร์ 5 พอยท์)
– Content platform: 4.37
– Commerce platform: 4.25
– Payment platform: 4.17
6. 3Ps (People – Planet – Profit) ยังคงสำคัญ แต่ปี 2024 นักการตลาดจะให้ความสำคัญกับ People มาเป็นอันดับแรก
#1 People
#2 Profit
#3 Planet
สะท้อนให้เห็นว่า ณ เวลานี้ แบรนด์ หรือนักการตาดต้องให้ความสำคัญกับทั้ง 3Ps โดยที่ “People” come first เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการขัลเคลื่อนแบรนด์ได้อีก 2P ตามมา คือ Profit และ Platform
7. เทคโนโลยีสำคัญที่สุดของการตลาดไทย (เรียงลำดับตามสกอร์ 5 พอยท์)
#1 AI: 4.57
#2 IoT: 4.36
#3 Robotics: 4.03
8. การตลาดต้องมี “MITRI” (ไมตรี) ต่อ 5 ด้านหลัก
#1 Customer 4.5
#2 Partner 4.5
#3 Employee 4.3
#4 Environment 4.2
#5 Society 4.1
9. Keyword สำคัญสำหรับการตลาดไทยปี 2024
– Customer
– Data
– Sustainability
– Digital
ทั้ง 4 คำนี้ จะเชื่อมโยงและหลอมรวมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง Meaningful Value/Real Value โดย Value ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงมูลค่า แต่หมายถึงคุณคาที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายสำหรับลูกค้า
10. อุปสรรคการตลาดไทยปี 2024
– War
– Economy
– Budget
ทั้ง 3 อุปสรรคดังกล่าว ส่งผลให้การตลาดปี 2024 มีทั้งปัจจัยควบคุมไม่ได้ (Uncontrollable) และปัจจัยคาดเดาไม่ได้ (Unpredictable) ดังนั้นนักการตลาด ต้องเตรียมความพร้อม ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา และกล้าลงมือทำ
4 ข้อคิดการตลาด 2024
ข้อคิดการตลาดในปี 2024 พาแบรนด์ฝ่าอุปสรรค–ความท้าทาย และชนะใจลูกค้า ประกอบด้วย
– ทิ้ง: ฉีกกรอบ ลองทำสิ่งที่เราไม่เคยทำ อย่ายึดติดความสำเร็จเดิมๆ หรือโมเดลเดิมๆ ให้มองหา New Way, New Thinking
– ทำ: ไม่รอ ใช้เครื่องมือใหม่ เช่น AI, IoT, Robotics เพราะการตลาดจะต้องเจอกับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และคาดเดาไม่ได้มากมาย ดังนั้นไม่ควรรอ แต่ให้ลงมือทำ หากทำแล้วไม่เวิร์ค ให้เรียนรู้และพัฒนาโปรเจคใมห่
– ทีม: อย่าทำคนเดียว เพราะการตลาดที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้การันตีว่าจะสำเร็จในวันนี้ และอนาคต ดังนั้นการตลาดวันนี้ ต้องเป็น Open Innovation, Open Collaboration
– ธรรม: การตลาดทั้งในวันนี้ และอนาคต ต้องสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน
กรณีศึกษา “ช้างดาว พริ้ง” จับกระแส BLACKPINK ต่อยอดสู่คอนเทนต์และโปรดักต์สุดปัง! – “เสื้อห่านคู่” แคมเปญคนธรรมดา เรียบง่าย แต่ไวรัล จนเกิด Collaboration
ตัวอย่างแบรนด์ที่สามารถทำคอนเทนต์เชื่อมโยงกับกระแส นำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้จริง คือ “รองเท้าแตะช้างดาว” จับกระแส “BLACKPINK” ที่ปล่อยเพลง Pink Venom โดยโพสต์บนเพจโซเชียลมีเดียของแบรนด์นันยาง Nanyang ว่า ถ้าเพลงใหม่ BLACKPINK ยอดวิวถึง 80 ล้านใน 24 ชั่วโมง จะผลิตช้างดาวสีชมพูดำ กลายเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความสนใจ และได้ Engagement สูง
ในที่สุดยอดวิวเพลงใหม่ BLACKPING ก็ทะลุเกิน 100 ล้านวิว ทำให้นันยางต้องเปิดตัวรุ่นพิเศษ Limited Edition เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ในชื่อ “ช้างดาว พริ้ง” โดยให้วิธีสั่งจองล่วงหน้า และผลิตตามยอดสั่งซื้อ ซึ่งทำให้แบรนด์สามารถควบคุมต้นทุนการผลิต และบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ตัวอย่างของการทำ Open Collaboration คือ แบรนด์ห่านคู่ เมีอครั้งทำแคมเปญคนธรรมดา ด้วยการโพสต์ภาพจดหมายถึงคุณ…คนธรรมดา เป็นแคมเปญเรียบง่าย ที่สามารถสร้างกระแสไวรัลดึงให้แบรนด์ต่างๆ มาร่วมแคมเปญคนธรรมดาด้วยเช่นกัน เริ่มจากนันยาง โพสต์จดหมายถึงห่านคู่…เสื้อยืดธรรมดา ต่อมาก็มีอีกหลายแบรนด์ โพสต์จดหมาย และคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกับคนธรรมดาลงบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์ ยิ่งกระจายกระแสในวงกว้างขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com