ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กีฬา” มีอานุภาพมากกว่าที่คิด เพราะสามารถรวมใจผู้คนทั่วทุกสารทิศให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อเกิดเสียงเชียร์ดังสุดพลังโดยมิได้นัดหมาย และอีกไม่กี่อึดใจ โมเมนต์เหล่านี้ก็จะกลับมาอีกครั้ง ผ่านมหกรรมกีฬาที่คนทั่วโลกรอคอยอย่าง Olympic Games Paris 2024
เพราะคนไทยคือนักซัปพอร์ตตัวจริง ! การเชียร์ทัพนักกีฬาไทยให้คว้าชัยในการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ของเราจึงต้องไม่น้อยหน้าใคร นี่จึงเป็นเหตุผลให้ “Plan B Eleven” ในฐานะ Sport Marketing Agency เลือกโปรโมตผ่านกลยุทธ์สุดเฉียบ ภายใต้คอนเซปต์ “ที่สุดของที่สุด” หรือ “The Greatest Olympic Games Ever” ซึ่งแบ่งการสื่อสารออกเป็น 5 เฟส ได้แก่
เฟสที่ 1: “ที่สุดของมหกรรมกีฬา” วันที่ 17 เม.ย. – 4 พ.ค. 2567
เฟสที่ 2: “ที่สุดของนักกีฬา” วันที่ 5 พ.ค. – 25 ก.ค. 2567
เฟสที่ 3: “ที่สุดของการแข่งขัน” วันที่ 26 ก.ค. – 11 ส.ค. 2567
เฟสที่ 4: “ที่สุดของการประสบความสําเร็จ” วันที่ 12 – 27 ส.ค. 2567
เฟสที่ 5: “ที่สุดของยอดมนุษย์” วันที่ 28 ส.ค. – 8 ก.ย. 2567
โดยคอนเซปต์นี้มีที่มาจากวลีเด็ด “Sports And More Than Sports” ซึ่งสื่อว่า กีฬาในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวแทนทีมชาติและแฟนกีฬาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับทุกโมเมนต์ของชีวิตทุกคน งานนี้แบรนด์จึงใช้กลยุทธ์ 4’O Marketing เพื่อปลุกพลังให้คนไทยร่วมชมและเชียร์การแข่งขันในครั้งนี้ผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าเราจะดูกีฬาหรือไม่ ก็สามารถอินไปกับสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น
1. OOH :
- นำเสนอภาพนักกีฬาที่มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น
- รายงานผลการแข่งขัน, Breaking News และตารางการรับชมแมตช์ที่น่าสนใจ รวมทั้งการแสดงความยินดีกับเหล่าฮีโร่แบบ Real Time บนจอ Fast Ads OOH
- ถ่ายทอดนัดชิงเหรียญทองที่คนไทยตั้งตารอ บนจอกว่า 150 จอทั่วประเทศ รวมถึงจอ Panoramix Screen @CentralWorld ซึ่งเป็นจอ Digital Interactive ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขนาดกว่า 3,400 ตารางเมตร
2. Online :
- ส่งแพลตฟอร์ม “StadiumTH” ซึ่งในครั้งนี้มาในคอนเซปต์ “HOME OF THE OLYMPICS” เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารทั้งหมดเกี่ยวกับโอลิมปิกเกมส์ ตั้งแต่เรื่องราวก่อนการแข่งขัน จนถึงบรรยากาศสดระหว่างแมตช์ต่าง ๆ
- จับมือสำนักข่าวออนไลน์ชื่อดังอย่าง The Standard Sport ในการนำเสนอข่าวและคอนเทนต์ผลการแข่งขันอย่างครอบคลุมและทันเหตุการณ์
- พลิกโฉมเหล่าทีมชาติไทยด้วย Fashion Set และบทสัมภาษณ์สุดพิเศษจากแฟชั่นแมกกาซีนแถวหน้าของโลก เช่น ELLE, Harper’s Bazaar และ Vogue เป็นต้น
- เปิดตัวแคมเปญ #โอลิมปิกแบบใดห์ ที่เชื่อมโยง O2O (Out of Home to Online) ที่เชิญเหล่า Influencer มาร่วมแชร์โมเมนต์และนิยามใหม่ของคำว่า “โอลิมปิก” ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้สึกมาก่อน
3. On-Air :
- ในเฟสก่อนหน้านี้ แบรนด์ได้นำนักกีฬาไทยไปโปรโมตผ่านรายการข่าวและวาไรตี้เพื่อจับกลุ่มผู้ชมทางทีวีมากขึ้น นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีทั้ง 4 ช่อง ได้แก่ T Sports 7, 9 MCOT HD, CH7 HD และ PPTV HD 36
- จับมือกับ AIS และ TRUE เป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดสดผ่าน 21 ช่องสัญญาณ ซึ่งถือว่ามีจำนวนช่องเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าเรตติ้งจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
4. On-Ground:
- จัดแถลงข่าวเปิดตัวโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ที่สยามพารากอน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ถ่ายทอด และนักกีฬาทีมชาติไทย
- เนรมิตสามย่านมิตรทาวน์ให้กลายเป็น Olympic Park ที่ยกบรรยากาศการแข่งขันในเมืองปารีสมาไว้ในกรุงเทพฯ พร้อมจัดนิทรรศการที่เกี่ยวกับการแข่งขันและนักกีฬาไทยได้แล้ววันนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. – 11 ส.ค.
วิเคราะห์สั้น ๆ ในมุมมอง AD ADDICT
ในมุมแอด ถือเป็นแคมเปญโปรโมตงานโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่เล่นใหญ่ ทำถึง จนขอยกให้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ใช้ Sport Marketing ได้อย่างครีเอตและน่าสนใจ นอกจากจะสร้างการรับรู้และการจดจำให้กับการแข่งขัน 2 สนามนี้แล้ว ยังกระตุ้นให้คนสนุกไปกับการดูกีฬา จนอยากส่งแรงใจเชียร์ทีมชาติไทยให้คว้าเหรียญทองมาครองให้ได้อีกด้วย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การใช้กลยุทธ์ 4’O Marketing เพื่อเข้าถึงคนไทยทุกคน ทั้งแฟนกีฬาและคนที่ไม่อินเรื่องกีฬา ผ่านวิธีการสื่อสารที่หลากหลาย ทั้งเรื่องดีไซน์ มิติสังคม และไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ซึ่งครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ รวมถึงสื่อนอกบ้าน และงานอิเวนต์ต่าง ๆ ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในวงการกีฬา ซึ่งทั้งหมดนี้ได้สะท้อนแนวคิดที่ว่า “กีฬา” เป็นอีกหนึ่ง Entertainment Tools ที่สามารถรวมคนให้มีจุดมุ่งหมายเดียวกันได้อย่างดี และกีฬาคือเรื่องของทุกคนได้สุดยอดจริง ๆ คร้าบบบ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : adaddictth.com