“60 ปี” ถ้าเปรียบเป็นคน ก็คงอยู่ในรุ่นลายครามที่สั่งสมประสบการณ์มาแล้วมากมาย แต่ถ้าหมายถึง “แบรนด์” แอดว่านี่คือบทพิสูจน์ของความสำเร็จ ทั้งในแง่ของธุรกิจ และการพิชิตใจผู้บริโภคมาทุกยุคทุกสมัย
ในโอกาสที่บริษัท ไทย-เยอรมัน มีท โปรดักท์ จำกัด หรือ “TGM” เจ้าของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปชั้นนำสัญชาติไทยขวัญใจผู้คนมาเกิน 6 ทศวรรษนั้น ขอเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภายใต้คอนเซปต์ “Modern Premium But Original” ลุยปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัยและมีระดับขึ้น แต่ก็ยังคงไว้ด้วยคุณภาพ และ “รสชาติต้นตำรับจากเยอรมัน” อย่างไม่เสื่อมคลาย
สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การปรับแพ็กเกจใหม่ที่ดูโมเดิร์นและพรีเมียมขึ้นสมกับคอนเซปต์ แต่ถ้ามองให้กว้างกว่านั้น จะเห็นถึงการ Rebranding ที่น่าสนใจในหลายส่วน ซึ่งมอบประสบการณ์แปลกใหม่และพิเศษให้กับลูกค้าได้หลายมิติทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะน่าสนใจยังไง และสามารถสร้างภาพจำใหม่ ๆ ในฐานะแบรนด์อาหารแปรรูปสุดเก๋าแต่ไม่เก่าได้มากแค่ไหน ติดตามได้จากบทความนี้กันเลยฮะ
จากแบรนด์อาหารแปรรูปกว่า 60 ปี สู่การ Rebranding ครั้งใหญ่
ต้องขอเท้าความก่อนว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ TGM ที่ทำให้อยู่มานานกว่า 60 ปีนั้น เกิดจากแนวคิดธุรกิจทั้ง 3 ด้าน ได้แก่
- Technology : นำเข้าเครื่องจักรมาตรฐานสูงสุดจากเยอรมนี เพื่อควบคุมทุกคุณภาพของสินค้า ก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค
- Service Mind : ใส่ใจทุกความต้องการ เพราะแบรนด์สามารถ Customized สินค้าเพื่อตอบโจทย์ทุกธุรกิจ
- Loyalty & Trust : คิดเสมอว่า สินค้าทุกชิ้นต้องทำเหมือนให้ลูกหลานกิน จึงคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ผลิตได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อตรงจริงใจ
จากแนวคิดทั้ง 3 ข้อนั้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม TGM จึงเป็น Top of Mind ด้านอาหารแปรรูปได้นานขนาดนี้ วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่แบรนด์จะได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ อีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยน CI เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าใหม่มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการปรับโลโก้ในสไตล์ Modernize, Premium และ Legacy ให้ดูเท่ขึ้นและเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นผู้นำ และต้นตำรับเอาไว้ ขณะที่สีหลักจะเป็น Original Black บ่งบอกความเชี่ยวชาญ และ Premium Gold ตัวแทนของคุณภาพและความมีระดับ ส่วนสีรองจะเป็น Tasteful Red สื่อถึงความสดใหม่ มีรสชาติ และรสนิยม
ยกระดับความปังด้วยแพ็กเกจใหม่ พร้อมชวน 2 ช่างภาพดังสร้างความแตกต่าง
เมื่อได้ CI ใหม่ที่ชูความโมเดิร์นและพรีเมียมมากขึ้นแล้ว แบรนด์จึงเปลี่ยนแพ็กเกจให้ล้อไปกับคอนเซปต์นี้ ด้วยการใช้ 3 สีที่แอดบอกไปข้างต้นมาอยู่บนซองใส่สินค้า พร้อมเพิ่ม Element ลายเส้นที่เกิดจากรูปทรงสินค้า แล้วออกแบบการจัดวางที่สะท้อนความพิถีพิถัน พร้อมเพิ่มกิมมิคแถบสีลาย “ธงชาติเยอรมนี” ที่ผู้บริโภคจดจำได้เป็นอย่างดี เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นต้นตำรับจากเยอรมันของเราไว้
ไม่ใช่แค่นั้น เพราะ TGM ยังเพิ่มความแปลกใหม่ให้เท่กว่าเดิม ด้วยการจับมือกับ 2 ช่างภาพดังแนว Street Minimal อย่างคุณพิชัย แก้ววิชิต และคุณวิทวัส นิพนธ์กิจ มาช่วยครีเอตมุมมองใหม่ ๆ ให้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ด้วยการใช้แพ็กเกจ TGM มาเป็นเฟรม นำมาสู่ภาพถ่ายสุดอาร์ตที่สวยสะดุดตา และมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
โดยภาพถ่ายของทั้ง 2 ท่านจะเน้นไปยังสถาปัตยกรรมที่น้อยแต่มาก ดูดีมีระดับ ด้วยลายเส้นหรือสีสันที่มองแล้วสะดุดตา ซึ่งนอกจากจะสร้างความสนุก แปลกตาให้กับแบรนด์แล้ว ยัง Repersent ความโมเดิร์นพรีเมียมที่แบรนด์ต้องการสื่อสารได้ชัดเจนอีกด้วย
ส่งต่อความพรีเมียมแบบตะโกน ผ่านการสื่อสารครอบคลุมทุกช่องทาง
เพื่อให้การ Rebranding ครั้งนี้ถูกส่งไปถึงทุกคน แบรนด์จึงสื่อสารผ่านออนไลน์และออฟไลน์ไม่ว่าจะเป็นการให้ KOLs ช่วยทำคอนเทนต์ต่อในสไตล์ของตัวเอง เช่น เพจถ่ายภาพก็นำภาพถ่ายสถาปัตยกรรมสวย ๆ มาใส่ในเฟรมแพ็กเกจสินค้า หรือเพจไลฟ์สไตล์ที่สร้างคอนเทนต์สนุก ๆ โดยใช้เฟรมแพ็กเกจสินค้าของแบรนด์เป็นตัวชูโรง
นอกจากนี้ ยังหยิบเทรนด์ฮิตในโลกโซเชียลมาขยี้ต่อเป็นกิจกรรม Activity Filter บน Instagram, Facebook และ TikTok เพื่อให้ผู้คนมาร่วมเล่น และแชร์ต่อเพื่อสร้างการรับรู้อีกด้วย
ออนไลน์ว่าสนุกแล้ว ฝั่งออฟไลน์ก็เล่นใหญ่แบบไม่น้อยหน้า ด้วยการโปรโมตผ่าน VDO Media และ Billboard ขึ้นป้ายโฆษณาใหญ่บนจุดสำคัญใจกลางกรุง แถมยังเข้าถึงกลุ่มนักช้อปหรือผู้ที่รับหน้าที่ซื้อของเข้าบ้าน ด้วย Instore ตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ เรียกได้ว่า เก็บครบทุกช่องทาง ทั้งลูกค้าเดิมและ(ว่าที่)ลูกค้าใหม่ได้ดีจริง ๆ
.
ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์โมเดิร์น แต่ยังคงความเป็นต้นตำรับที่ใครก็หลงรัก
จากที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน CI ออกแบบแพ็กเกจใหม่ รวมถึงการสื่อสารที่ไปครบทุกช่องทาง ได้หลอมรวมให้การ Rebranding ของ TGM ในครั้งนี้ ชูภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัย ที่ผสมผสานกับความเป็นรสชาติต้นตำรับเยอรมัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์ตลอด 60 ปี ได้อย่างลงตัว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแบรนด์ที่ต้องการจะเติบโตแบบอ่อนวัยขึ้น ด้วยจุดหมายคือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ นอกพื้นที่ B2B เดิมที่ทำมาตลอด 60 ปี
ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ผ่านคุณค่าและมาตรฐานที่แบรนด์เชื่อมั่นมาตลอด เพื่อส่งมอบประสบการณ์พรีเมียมที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคทุกคน พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต ในฐานะแบรนด์อาหารแปรรูปสุดเก๋าแต่ไม่เก่า และเอาอยู่ทุกยุคสมัยนั่นเอง
วิเคราะห์สั้น ๆ ในมุม AD ADDICT
ในมุมแอด ถือเป็นการ Rebranding ที่ทำถึงทุกมิติจริง ๆ ตั้งแต่การเปลี่ยน CI ที่ทำให้ภาพลักษณ์ความทันสมัยชัดขึ้น การเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ ก็ช่วยชูโรงให้สินค้าดูโดดเด่นสะดุดตา ส่วนการ Collaboration กับ 2 ช่างภาพดัง แล้วใช้ภาพถ่ายสุดอาร์ตในการ Amplify การเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ ถือเป็นกิมมิคที่ทั้งเท่และไม่เหมือนใคร ซึ่งสร้างความแปลกใหม่ในวงการอาหารสุด ๆ
นอกจากนี้ การสื่อสารที่มีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งต้นจากการหยิบเทรนด์ Filter เพื่อพาแพ็กเกจใหม่เข้าไปถึงมือผู้บริโภค แล้วต่อยอดเป็นกิจกรรมที่ให้ KOLs ช่วยกันครีเอตมุมมองที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบของอาหารแบบเดิม ๆ ก็สามารถพาผู้บริโภคไปเปิดมุมมองสนุก ๆ กับสิ่งอื่น ๆ รอบตัว แถมยังสร้างการมีส่วนร่วมได้ดี
แต่ในฐานะที่เป็นแบรนด์ที่อยู่มาทุกยุคทุกสมัย ก็ยังไม่ทิ้งสื่อดั้งเดิมอย่างป้ายโฆษณาตามจุดสำคัญต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มการมองเห็น และสร้างการรับรู้ในแคมเปญเป็นวงกว้างได้ จุดนี้ถือว่าแบรนด์คิดมาละเอียดจริง ๆ
ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์ว่า แม้สิ่งเดิมที่เคยเป็นมาจะดี แต่การเปลี่ยนแปลงก็สามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีได้เช่นกัน แถมยังฉายแสงไปที่ตัวตนของเราให้เห็นชัดขึ้นกว่าเดิมด้วย สอดคล้องกับความเชื่อของ TGM ที่ว่า “Change But Original” นั่นเองคร้าบบบ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : marketingoops.com